นักเขียนบทความ SEO ทุกคนล้วนสร้างผลงานออกมาเพื่ออยากให้ผลงานของตัวเอง “ติดหน้าแรกของ Google” เพราะว่านั้นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่างานเขียนของพวกเขามีประสิทธิภาพพอที่ Google คัดเลือกว่าเนื้อหามีประโยชน์ต่อผู้ใช้ สำหรับนักเขียน SEO Content ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเขียนบทความแต่ละชิ้นออกมาให้ติดหน้าแรกของGoogle
แม้ว่าบทความของพวกเขาจะมีเนื้อหาที่คุณภาพแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีหลาย ๆ ปัจจัยที่มีผลต่อไต่อันดับ เช่น เว็บไซต์ คู่แข่ง และ เนื้อหา เป็นต้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อระยะเวลา จึงทำให้เกิดคำถามยอดฮิตของนักเขียนว่า จะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ที่งานเขียน SEO จะแสดงผลลัพธ์ให้เห็น
การติดหน้าแรกของ Google มีผลอย่างไร
การทำ SEO คือ การทำให้เว็บไซต์ “ติดหน้าแรกของ Google” ซึ่งเป็นผลดีต่อธุรกิจ เปรียบเสมือนเป็นร้านที่อยู่ใจกลางเมืองที่มักจะมีผู้คนเดินผ่านและเห็นร้านของเรา ยิ่งเว็บไซต์ของเราอยู่สูงเท่าไหร่ ผู้ใช้ก็จะยิ่งเห็นธุรกิจของเรา ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะทำการขายได้ก่อนใคร นำไปสู่การเพิ่มยอดขายและการผูกสัมพันธ์กับผู้ใช้งาน แต่การที่เว็บไซต์ธุรกิจของเราจะติดหน้าแรกของ Google ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะปัจจุบันมีอัตราการแข่งขันที่สูงมากและยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่จะสกัดการเป็นที่หนึ่งบน Google
สิ่งที่ควรรู้ถ้าอยากให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกของ Google
ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการติดหน้าแรกของ Google เราควรรู้เป้าหมายความสำเร็จของการทำ SEO ของเรามีลักษณะอย่างไรเพื่อให้ผลลัพธ์ได้มีความชัดเจน แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงกลยุทธ์การทำ SEO จะต้องกำหนด Goals และ KPIs เพื่อกำหนดแผนการสร้างบทความให้ติดอันดับ
- Goals คือ การตั้งเป้าหมาย ที่คุณต้องรู้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่คุณจะได้รับคืออะไรหรือความสำเร็จที่มียอดขายเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาที่กำหนด
- KPIs คือ ตัวชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงาน ที่จะอธิบายให้เห็นถึงกระบวนการที่นำไปสู่เป้าหมาย ทั้งสองข้อกำหนดนี้เป็นตัววัดที่สำคัญของความสำเร็จและผลลัพธ์จากผลงานของคุณ เพราะ การตั้งเป้าหมาย เป็นการวางเป้าหมายที่สามารถวัดผลได้และเป็นจริงได้ โดยนอกจากกำหนดเป้าหมายแล้ว เราต้องรู้ระยะเวลาซึ่งทั่วไปจะดูที่ผลลัพธ์ของค่า KPIs หลัก ต้องเข้าใจว่าเป้าหมายโดยทั่วไปมักมีลักษณะเฉพาะของธุรกิจมากกว่าและเปลี่ยนไปตามปัจจัยหลายประการ
การทำ SEO ควร เห็นผลลัพธ์ภายใน 6-12 เดือน โดยที่ผลลัพธ์ที่เราหมายถึง คือ การเพิ่มขึ้นที่สามารถวัดค่าการเข้าชมเว็บไซต์และกลุ่มเป้าหมายหรือการแปลงที่เกี่ยวข้องได้ การทำตามข้อนี้ไม่หมายความว่าคุณจะทำเป้าหมายได้สำเร็จเสมอไป แต่ธุรกิจใดก็ตามที่กำลังลงทุนในการทำ SEO ควรเห็นผลลัพธ์ภายในระยะเวลานี้
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่การทำ SEO จะไม่ใช้เวลาในการติดหน้าแรกของ Google เพราะ Google เองก็ต้องการแสดงถึงผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคำค้นหาใดก็ตามที่ให้มา และต้องใช้เวลาพอสมควรในการไต่อันดับที่คุณจะได้รับการมองเห็นในหน้าการค้นหาสูงสุด การวางแผนก็เป็นสิ่งที่ดีให้การเห็นผลลัพธ์ แต่ก็มีปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อการต่อการไต่อันดับเช่นกัน เราเลยหาข้อมูลเพื่อมาไขคำตอบถึงปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาในการติดอันดับไว้ ดังนี้
ปัจจัยที่มีผลทำให้ติดหน้าแรกของ Google
สิ่งที่มีผลต่อการติดหน้าแรกของ Google ของเว็บไซต์ คือ ปัจจัยที่ถูกกำหนดต่อระยะเวลาในการขึ้นอันดับ ส่วนจะนานเท่าไหร่นั้น เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้น เราได้รวบรวมปัจจัยที่ผลต่อการทำอันดับ ดังนี้
1. ประวัติของเว็บไซต์
การทำโดเมนใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อเวลาในการติดหน้าแรกของ Google โดเมนใหม่จะทำให้เห็นผลสำเร็จที่นานกว่าโดเมนต์ที่ตั้งขึ้นแล้ว เนื่องจากยังไม่ได้สร้างอำนาจในการสั่งการหรือรับการใส่ลิงก์เชื่อมเว็บไซต์ใด ๆ ซึ่งคุณอาจกำหนดระยะเวลาอยู่ที่ 9-12 เดือนแทนที่จะเป็น 6-12 เดือนแทน
ในขณะเดียวกันโดเมนที่ตั้งขึ้นแล้วจะได้รับอำนาจในการสั่งบางอย่างมาแล้วเป็นอย่างน้อยและได้ลิงก์เชื่อมภายในเว็บไซต์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าโดเมนที่ตั้งขึ้นมาแล้วจะเห็นผลลัพธ์ที่เร็วกว่า หากโดเมนเคยได้รับผลกระทบจากการลงโทษมาก่อน หรือ มีงาน SEO ที่ขัดต่อนโยบายของ Google ผลลัพธ์ของเว็บไซต์คุณก็ยากที่จะประผลสำเร็จได้เร็ว
2. คู่แข่ง
การติดหน้าแรกบน Google ที่เร็วขึ้นนั้น ก็ขึ้นอยู่กับธุรกิจคู่แข่งของเราที่ต้องการติดหน้าแรกเหมือนกัน หากตลาดมีการแข่งขันสูงก็สิ่งเป็นสิ่งที่ยากที่เราจะควบคุมได้ เช่นนั้นการแข่งขันต่ำจึงมีโอกาสเห็นผลลัพธ์ที่เร็วกว่า
ตัวอย่างเช่น การพยายามไต่อันดับของ Keyword “ Finance” ใช้เวลาถึง 2 ปี หรือมากกว่านั้น ในการมองเห็น ในทางตรงกันข้าม Keyword ที่มีการแข่งขันต่ำหรือแคบลงกว่า มีความเป็นไปได้มากกว่าว่าจะแสดงผลลัพธ์ภายใน 3-6 เดือน
ให้ใช้ Keyword Difficulty(KD) หรือ ค่าวัดความยากของคำ Keyword ซึ่งคุณต้องวิเคราะห์และสังเกตคู่แข่งขันของคุณว่าเขามาอยู่ในอันดับนี้ได้อย่างไร และเขากำลังทำอะไรในการรักษาตำแหน่งการมองเห็นนี้ ฉะนั้นคุณต้องรู้ว่าคุณกำลังแข่งกับอะไรรวมถึงกลยุทธ์ของคู่แข่งด้วย
3. แหล่งข้อมูล
ในเมื่อคุณไม่สามารถควบคุมประวัติของเว็บไซต์หรือการแข่งขันได้ แต่คุณสามารถควบคุมแหล่งข้อมูลที่ใช้ในบทความ SEO ของคุณเพื่อที่จะสามารถทำให้ติดหน้าแรกของ Google ได้
สิ่งที่สำคัญที่ต้องเข้าใจจริง ๆ นั้น คือ แหล่งข้อมูล เพราะมีส่วนสำคัญมากต่อระยะเวลาที่จะทำให้เห็นผลลัพธ์นั้นเป็นอย่างไร ยิ่งคุณจัดสรรข้อมูล SEO ได้เท่าไหร่ คุณก็จะเห็นผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น
เวลาคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการจัดสรรข้อมูล ระวังไว้ว่า ช่วงเวลาการสนทนาในการหาผลกระทบต้องคำนึงถึงแหล่งข้อมูลที่ใช้จัดสรรด้วย และต้องเข้าใจว่าวิธีที่ดีที่สุดในการลดผลกระทบ คือ การจัดสรรข้อมูลเพิ่มเติมให้กับแผนงาน
เมื่อการแข่งขันของธุรกิจสูง และมีการใช้ Keyword เหมือนกัน สิ่งที่ต้องตระหนักถึง Key driver ของ การทำSEO คือ Technical SEO Content และ Backlinks ซึ่ง 3 อย่างนี้ จะทำให้ มีโอกาสทำให้ SEO อยู่บนหน้าแรกของ Google มากขึ้น อธิบายได้ดังนี้
- Technical SEO : การปรับปรุงโครงสร้างเชิงเทคนิคเพื่อให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อทำให้ Bot ของ Google สามารถเข้ามารวบรวมข้อมูลและทำดัชนีของเว็บไซต์ได้ ซึ่งจะทำให้การเพิ่มอันดับของเว็บไซต์เร็วขึ้น ระบบที่มีความเกี่ยวข้องกับ Technical SEO เช่น การรวบรวมข้อมูล (Crawling) การจัดทำดัชนี (indexing) ค่าความเร็วของเว็บไซต์ (Sit Speed) การกำหนดแบบบัญญัติ (Canonicalization) ข้อมูลโครงสร้าง (Structured data) การทำข้อความซ้ำ (Duplicate content) แผนผังไซต์ (XML Sitemaps) และการใช้แท็ก (Hreflang) เป็นต้น หากระบบเหล่านี้สามารถแก้ไขและปรับปรุง Technical SEO ได้จะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพที่จะสามารถแข่งกับคู่แข่งได้
- Content : หลายคนคงจะเคยได้ยินมาว่า เนื้อหา (Content) เป็นกุญแจหลักที่สำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์ยังคงเป็นปัจจัยในการจัด 3 อันดับหน้าแรกของ Google เราได้กล่าวไปแล้วว่าเป้าหมายของ Google คือแสดงผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อการค้นหาที่ถูกค้น
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไม Content ที่คุณภาพต่ำหรือปานกลางจึงแสดงบนหน้าเว็บ Googleได้ดี แต่อย่างไรเนื้อหาที่คุณภาพต่ำจะใช้เวลาในการเห็นผลลัพธ์ที่นานกว่า ในขณะที่เนื้อหาที่มีคุณภาพสูงที่วางแผนมาอย่างรอบคอบและเพิ่มสิ่งใหม่ ๆ ให้กับหัวข้อ (Topic) จะช่วยให้เว็บไซต์ไต่อันดับได้เร็วขึ้น
สิ่งที่คุณต้องคำนึกถึงมากที่สุด คือ การทำ Content ให้ยอดเยี่ยม ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ และต้องใช้เวลาพอสมควรเพื่อทำความเข้าใจในการจัดอันดับและการค้นหาในปัจจุบันว่าจะทำอย่างไรให้ผลิตเนื้อหาที่ดีกว่า ซึ่งคุณสามารถเรียนรู้ได้จาก Content ที่ติดอันดับแล้วได้ - Backlinks : นักเขียน Content หลายคนเริ่มให้ความสนใจกับ Backlinks มากเพราะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการติดหน้าแรกของ Google เนื่องจากตัวช่วยนี้เปรียบเสมือนประตูสู่ร้านของเราจากที่อื่น นี่แหละคือตัวชี้วัดความเชื่อใจและความนิยม และยังสามารถเป็นแรงกระตุ้นให้เว็บไซต์ติดอันดับ เพราะ ลิงก์(Link) คือ คะแนนความเชื่อมั่นระหว่างเว็บไซต์ ยิ่งเว็บไซต์คุณมีคุณภาพมากก็จะยิ่งมีค่า PageRank มากทำให้มีโอกาสติดอันดับได้ง่ายขึ้น สิ่งที่คุณต้องคำนึง คือ ทำให้เนื้อหาของคุณมีคุณภาพและน่าเชื่อถือจะทำให้คนเข้ามาในเว็บไซต์มากขึ้น (Traffic) อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าทุกลิงก์ที่ถูกสร้างมาจะมีลักษณ์เหมือนกัน แต่ลิงก์ที่มีคุณภาพสูงกว่าจะสามารถไต่อันดับได้เร็วกว่าลิงก์ที่คุณภาพต่ำ
สรุป การทำ SEO ถ้าอยากติดหน้าแรกของ Google ต้องใช้เวลาเท่าไหร่
ระยะเวลาในการติดหน้าแรกของ Google ควรจะใช้เวลาแสดงผลลัพธ์อยู่ที่ 6-12 เดือน และขึ้นอยู่กับการตรวจสอบเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แน่นอน การทำ SEO ต้องมีการรายงานและการดูแลบ่อย ๆ ข้อมูลที่ถูกจัดสรรจะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น แต่เว็บไซต์ทุกเว็บไซต์ไม่เหมือนกัน สิ่งควรให้ความสำคัญ คือ ความใส่ใจกับปัญหาภายในระบบ คุณภาพของเนื้อหา และความแข็งแกร่งของหน้าโปรไฟล์ลิงก์ก่อน เพียงเท่านี้ความสำเร็จก็จะแสดงให้เราเห็นเร็วขึ้นนั้นเอง