โปรโมตเว็บไซต์ ที่ช่วยให้ลูกค้าได้รู้จักเว็บไซต์คุณคือหนึ่งในกลยุทธ์ที่ช่วยให้ลูกค้าได้รู้จักเว็บไซต์ของคุณ จากแต่เดิมธุรกิจอาจเคยเป็นแบบออฟไลน์ แล้วจึงได้เริ่มหันมาขายออนไลน์กันมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่ว่า ประหยัดงบ เข้าถึงลูกค้าได้ง่าย สะดวกสบายในการใช้งานเลือกซื้อ แต่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตามสิ่งสำคัญแรกของการขายของให้ได้ คือต้องให้ลูกค้ารู้จักสินค้าและบริการให้ได้ก่อน ถึงจะขายได้ ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับธุรกิจออนไลน์ มักจะมีหน้าเว็บที่เป็นร้านค้าออนไลน์ของตนเอง แต่การจะทำให้หน้าเว็บร้านค้าออนไลน์เป็นที่รู้จักได้อย่างไร เพราะในโลกออนไลน์ก็มีหน้าเว็บร้านค้าอื่นอีกมากมายที่ต่างแย่งชิงตำแหน่งกัน เพื่อให้ได้ลูกค้ามาเป็นของตนเอง โดยวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีโปรโมตเว็บไซต์ ที่จะช่วยให้สินค้าและบริการ สามารถการเพิ่มยอดขายที่มั่นคงต่อธุรกิจได้อย่างยาวนานมากขึ้น
5 วิธีเพิ่มยอดขายและโปรโมตเว็บไซต์
การโปรโมทเว็บไซต์จริง ๆ มันก็คือการทำการตลาดรูปแบบหนึ่งที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญอยู่แล้ว แค่เปลี่ยนจากการสินค้ามาเป็นเว็บไซต์แทน แน่นอนว่าเมื่อเป็นแบบออนไลน์ เราก็ต้องพึ่งการทำการตลาดออนไลน์ และต่อไปนี้คือ 5 วิธีที่เราคิดว่าหากคุณนำไปใช้งานแล้ว ต้องทำให้เว็บไซต์ของคุณได้เป็นที่รู้จัก และเพิ่มยอดขายสินค้าได้อย่างแน่นอน
1. การทำ SEO (Search Engine Optimization)
การทำ SEO คือการทำให้เว็บไซต์ได้ไปติดอยู่บนอันดับหน้าผลการค้นหาของ Search Engine อย่าง Google ได้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า Keyword แน่นอนว่าการทำให้เว็บไซต์ติดเป็นอันดับแรก ๆ ได้นั้นเป็นเรื่องที่ดีกับการโปรโมตเว็บไซต์ ให้คนรู้จัก เพราะเมื่อมีคนใช้งานการค้นหาและเจอเว็บไซต์เราเป็นอันดับแรก ๆ พวกเขามักจะกดคลิกเข้าไปดูเว็บอันดับแรก และได้รู้จักเว็บไซต์คุณ ซึ่งหากคุณเป็นธุรกิจที่มีเว็บไซต์ การที่มีลูกค้าเข้ามาดูก็มีโอกาสที่จะทำให้ลูกค้าได้รู้จักกับสินค้าและบริการของคุณ ตลอดจนไปถึงการปิดยอดขายได้
แต่อย่างไรก็ตาม การทำ SEO ไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไรนัก เพราะ ต้องมีทั้งทักษะและความรู้เฉพาะทาง SEO เป็นอย่างมาก หากคุณไม่มีความรู้เกี่ยวกับ SEO เลย คุณสามารถเลือกศึกษาด้วยตนเองหรือจะจ้างนักทำ SEO ให้มาทำเว็บไซต์ได้ด้วยเช่นกัน
ข้อดีของการทำ SEO
- สามารถทำได้ฟรี (ในกรณีที่ไม่ได้จ้างนัก SEO ทำให้)
- เว็บไซต์มีคุณภาพ และมีโครงสร้างที่เรียบร้อยจากการทำ SEO
- เว็บไซต์สามารถแสดงความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดี
- เว็บไซต์มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์แก่ผู้เข้าชม เพราะการทำ SEO ต้องมีสิ่งนี้
ข้อเสียของการทำ SEO
- ไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที ต้องใช้ระยะเวลา
- ต้องมีความรู้และทักษะที่เกี่ยวข้องกับ SEO
- เว็บไซต์ต้องอัปเดตเนื้อหาต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ดี การทำ SEO ควรจะเป็นสิ่งพื้นฐานสำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์เป็นหน้าร้านของตัวเอง เพราะการทำ SEO นั้นให้ผลที่ดีในระยะยาว ทั้งโครงสร้างเว็บชัดเจน สามารถนำเว็บไปทำต่อยอดได้ง่าย และเว็บมีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้าที่เข้ามา ซึ่งเหมาะสำหรับธุรกิจที่มองการณ์ไกล
………………………………………………………………
2. การใช้โฆษณาแบบ PPC (Pay-Per-Click)
โฆษณาแบบ PPC (Pay Per Click) เป็นอีกรูปแบบการโฆษณาหนึ่งที่ใช้โปรโมตเว็บไซต์ ให้ผู้คนรู้จักได้อย่างดีเยี่ยม โดยการโฆษณาแบบ PPC จะมีลักษณะคล้าย SEO ที่ตัวเว็บไซต์จะขึ้นไปโผล่บนอันดับหน้าผลการค้นหา (SERP) โดยยังอ้างอิงการใช้งาน Keyword อยู่เหมือนเดิม
การโฆษณาแบบ PPC คือการไปทำโฆษณากับระบบ Search Engine ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Google, Yahoo หรือ Bing ให้ตัวระบบนั้นดันเว็บไซต์เราขึ้นไปอยู่อันดับแรกบนหน้าผลการค้นหาของ Keyword ที่เกี่ยวข้องเสมอ โดยมีค่าใช้จ่ายเป็นราคาต่อการคลิก ตัวอย่างเช่น หากมีคนคลิกเข้าเว็บไซต์ที่ใช้โฆษณา PPC ธุรกิจก็ต้องเสียค่าโฆษณาต่อคลิก แต่ข้อดีหนึ่งของ PPC เลยคือ เว็บจะโผล่ขึ้นอันดับต้น ๆ เสมอ และหากไม่มีการกดคลิก ก็จะไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณา
ข้อดีของการใช้งานโฆษณา PPC
- ช่วยทำให้เว็บไซต์ติดอันดับแรก บนผลการค้นหา (SERP) ได้ง่าย
- ช่วยเพิ่มการมองเห็น และการเข้าถึงเว็บให้แก่ลูกค้า
- จะไม่เสียค่าโฆษณา ถ้าหากไม่มีการคลิก
ข้อเสียของใช้งานโฆษณา PPC
- ไม่เหมาะกับการใช้งานระยะยาว เพราะจะเสียค่าใช้จ่ายเยอะ ตามจำนวนการคลิก
- หาก Keyword ที่เลือกใช้ มีการแข่งขันสูง ราคาต่อคลิกจะสูงตามด้วย
- ถูกแยกตำแหน่งได้ง่าย หากมีคนให้ราคาที่สูงกว่า
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รู้ว่า การใช้งานโฆษณาแบบ PPC เหมาะสำหรับการใช้งานระยะสั้น โดยเป็นการเน้นการโฆษณาสินค้าหรือบริการที่มาใหม่ ที่ต้องการให้ผู้คนได้มาเห็นและรู้จักเป็นหลัก
………………………………………………………………
3. Affiliate Marketing
Affiliate Marketing เป็นการตลาดออนไลน์รูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยเพิ่มยอดการขายได้เป็นอย่างดี โดยทางธุรกิจจะมองหาเว็บไซต์ที่มียอดผู้เข้าชมหรือมีความน่าเชื่อถือ และขอความร่วมมือให้ทำเนื้อหา Content ในการโฆษณาสินค้าและบริการของธุรกิจ และแปะ Affiliate Link ที่จะพาไปยังเว็บไซต์ธุรกิจเพื่อเลือกซื้อสินค้า โดยหากมียอดขายที่ได้จาก Affiliate Link ดังกล่าว ฝ่ายเว็บหรือที่เรียกว่า Affiliate ก็จะได้ค่าคอมมิชชั่น
ข้อดีของ Affiliate Marketing
- เพิ่มยอดการขายได้เป็นอย่างดี
- ไม่ต้องเสียงบประมาณในการโฆษณามากเกินไป
- สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้ จากการเลือกเว็บไซต์ที่จะทำ Affiliate Marketing
ข้อเสียของ Affiliate Marketing
- ไม่สามารถกำหนดแนวทางการทำ Content จากเว็บไซต์ที่ร่วมมือได้
- ผลประโยชน์อาจจะไม่ได้มากกับธุรกิจ เพราะบางเว็บอาจมีการเรียกค่าคอมมิชชั่นสูง
- การแข่งขันสูง
กล่าวได้นัยหนึ่งว่าแม้ Affiliate Marketing จะช่วยเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างดี แต่ด้วยความง่ายจากการเพิ่มยอดขายนี้ ทำให้มีหลายธุรกิจให้ความสนใจและมาใช้งาน Affiliate Marketing กันมาก ดังนั้นธุรกิจที่ต้องการจะใช้งานการตลาดออนไลน์นี้ ควรศึกษาข้อมูลวิธีการหรือเว็บไซต์ที่จะร่วมทำให้เป็นอย่างดี
………………………………………………………………
4. Social Marketing
Social Marketing เป็นการตลาดออนไลน์ที่จะพึ่งการใช้งานของสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, IG หรือแม้กระทั่ง TikTok โดยการสร้างเนื้อหาให้น่าสนใจ ให้คนได้รู้จักธุรกิจว่าเป็นอย่างไร ทำเกี่ยวกับอะไรบ้าง หรือแม้กระทั่งการใช้งานโฆษณาต่าง ๆ ของสื่อโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Facebook Ads หรือบัญชีที่ได้รับรองของ Twitter เป็นต้น หากสามารถจูงใจผู้ชมให้เข้ามาดูและถูกใจได้ การจะโปรโมตเว็บไซต์ ให้คนได้รู้จักนั้นไม่ใช่เรื่องยากสักทีเดียว
ข้อดีของ Social Marketing
- สามารถเข้าถึงกลุ่มคนจำนวนมากได้ เพราะสื่อโซเชียลมีเดียเป็นสื่อที่มีผู้ใช้งานกันอยู่หลักล้านคน
- สามารถติดตามผู้คน และสังคมได้ ว่ามีกระแสความนิยมหรือความเห็นอย่างไร
- เพิ่มความน่าเชื่อถือได้ง่าย จากผู้ใช้งานสื่อโซเชียลมีเดีย
ข้อเสียของ Social Marketing
- มีการแข่งขันสูงมาก
- ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรกว่าจะเห็นผลลัพธ์
- ภัยอันตรายในรูปแบบออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการโดนแฮ็กแอคเคาท์ แล้วทำให้เสียชื่อเสียงของธุรกิจ
แม้ Social Marketing จะเป็นรูปแบบการโปรโมตเว็บไซต์ หนึ่งที่ยอดเยี่ยม และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดี แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการแข่งขันที่สูงด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจัยหลักที่จะทำให้เราสามารถชนะใน Social Marketing ได้ ก็ต้องพึ่งการทำ Content Marketing เป็นหลัก
………………………………………………………………
5. Content Marketing
Content Marketing คือการตลาดออนไลน์รูปแบบหนึ่งที่เน้นในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ และมีประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมาย โดยเนื้อหาที่ทำส่วนใหญ่แล้วจะมุ่งเน้นไปในเรื่องจุดประสงค์ทางการตลาด ไม่ว่าจะเป็น การสร้างเนื้อหาที่ให้รู้จักสินค้าหรือบริการ, การเขียนบทความให้ความรู้, เนื้อหาที่ดึงดูดและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของกลุ่มลูกค้า
โดยตัว Content Marketing สามารถทำเนื้อหาได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น บทความ, อินโฟกราฟิก, ภาพถ่าย, วิดีโอ หรือแม้กระทั่งการโพสต์ทั่วไปที่เราเห็นกันบนสื่อโซเชียลมีเดีย โดยลักษณะของ Content Marketing ที่ดีควรมีดังนี้
ใช้สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า | เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่สนใจได้อย่างรวดเร็ว | ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องได้อย่างลึกซึ้ง |
สามารถรวมเนื้อหากับช่องทางโซเชียลมีเดียได้ | ส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค | สามารถเผยแพร่ได้อย่างสม่ำเสมอ |
นำเสนอเนื้อหาในหลากหลายรูปแบบ | วัดผลและปรับปรุงคุณภาพเนื้อหาได้ทันที | สร้างความน่าเชื่อถือและอำนาจในอุตสาหกรรม |
แต่อย่างไรก็ดี แม้ Content จะทำได้หลายรูปแบบ แต่ก็ต้องไม่ลืมสิ่งสำคัญของเนื้อหาอย่างความเป็นคุณภาพ และเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายไปโดยเด็ดขาด
ข้อดีของ Content Marketing
- สามารถสร้างเนื้อหาได้อย่างหลายรูปแบบ หลายการนำเสนอ
- ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจได้เป็นอย่างดี
- เพิ่มความน่าสนใจของเว็บไซต์ได้ดี
ข้อเสียของ Content Marketing
- ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรในการทำเนื้อหาแต่ละ Content
- การแข่งขันที่สูง
- ความเป็นไปได้ที่จะไม่สำเร็จ
สุดท้ายแล้วข้อเสียของ Content Marketing จะมีเพียงใด แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธไปได้ว่าการตลาดออนไลน์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO, Affiliate Marketing, Social Marketing จะขาดสิ่งที่เรียกว่า Content Marketing ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างเนื้อหาที่เพิ่มความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์และธุรกิจได้เป็นอย่างดี
บทสรุป การโปรโมตเว็บไซต์กับจุดประสงค์ที่แท้จริง
การ “โปรโมตเว็บไซต์” แม้จะมีหลายวิธีการ หลายข้อดีหรือข้อเสีย แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าในยุคของธุรกิจออนไลน์ที่ต้องการยอดขายแบบนี้ ทุกธุรกิจล้วนต้องหันมาพึ่งวิธีการทางการตลาดออนไลน์มาใช้ด้วยเสมอ แน่นอนว่าแต่ละธุรกิจสามารถเลือกใช้แบบใดก็ได้ หรือจะใช้การตลาดออนไลน์ทั้งหมดเลยก็ได้
แต่สิ่งสำคัญในการจะทำการตลาดออนไลน์เพื่อโปรโมตเว็บไซต์ และเพิ่มยอดขายได้ คือ คุณต้องรู้จักธุรกิจของตัวเอง รู้จักเป้าหมาย รู้จักคู่แข่ง และรู้จักการนำเสนอที่เหมาะสม และไม่ว่าจะทำการตลาดออนไลน์แบบใดก็ตาม ควรเลือกใช้ Content Marketing ควบคู่ไปด้วยเสมอ เพื่อช่วยให้การทำการตลาดออนไลน์นั้นสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ของธุรกิจออนไลน์ได้