How to เขียนบทความ SEO อย่างไร ให้ติดอันดับการค้นหา บทความนี้เราขออาสาเป็นตัวช่วย

Picture of THAITOPSEO
THAITOPSEO
SEO content Writing

คงต้องยอมรับว่าปัจจุบันการ เขียนบทความ SEO มีการแข่งขันค่อนข้างสูง เพราะเจ้าของธุรกิจย่อมมีความคาดหวังว่าเว็บไซต์ของตนจะติดอันดับการค้นหา ส่งผลให้นักเขียนบทความอย่างคุณอาจได้รับความกดดันไม่มากก็น้อย แต่ในเนื้อหานี้เรามีเทคนิคดี ๆ ที่จะมาทำให้บทความSEOของคุณติดอันดับการค้นหาใน google ได้ไม่ยาก รับรองว่าทั้งคุณจะต้องชื่นชอบมันอย่างแน่นอน

Contents hide

1. เขียนบทความ SEO ให้โดนใจ โดดเด่น เป็นเทรนกลุ่มเป้าหมายมี โอกาสที่บทความติดอันดับการค้นหาได้เร็วขึ้น

seo content writing

การเล่นกับกระแสที่กำลังเป็นเทรนของกลุ่มเป้าหมาย ยังคงเป็นการทำการตลาดยอดนิยมที่ได้ผลลัพธ์กลับมาในระยะเวลาที่รวดเร็วเสมอ ฉะนั้นก่อนที่คุณจะเริ่ม เขียนบทความ SEO คุณต้องลองสำรวจเทรนในตลาดก่อน ว่าเทรนไหนเป็นเทรนที่คนในสังคมให้ความสนใจ หรือ สิ่งที่เป็นปัญหาร่วมกันของผู้คนในปัจจุบัน ตัวอย่าง หากคุณต้องเขียนบทความเกี่ยวกับเครื่องพ่นน้ำมันหอมระเหยอโรม่า อันดับแรกที่คุณต้องทำคือการสำรวจเทรนในปัจจุบันก่อนว่าผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจเกี่ยวกับอะไร เช่น

คนวัยทำงานรุ่นใหม่มักประสบปัญหาการหมดไฟในการทำงานก่อนอายุ 30 ปี ฉะนั้นบทความSEOของคุณควรจะเป็นการแนะนำการจัดสภาพแวดล้อมบนโต๊ะทำงาน หรือ การจัดสภาพแวดล้อมในห้องนอนเพื่อให้คนวัยทำงานรู้สึกผ่อนคลายหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับการทำงาน แล้วค่อยแนะนำผลิตภัณฑ์เครื่องพ่นน้ำมันหอมระเหยอโรม่าให้กับผู้เข้ามาเยี่ยมบทความของคุณในตอนจบ เราเชื่อว่าถ้าคุณเข้าใจเทรนของสังคมรวมถึงจับกระแสเป็น มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นเลยที่บทความSEOของคุณจะติดอันดับการค้นหาบนโลกอินเตอร์เน็ต

2.เลือกคีย์เวิร์ดในการ เขียนบทความ SEO อย่างไรให้โดนใจ Search Engine จนติดอันดับการค้นหาในโลกออนไลน์

เลือกคีย์เวิร์ดในการเขียนบทความ SEO

การใช้คำคีย์เวิร์ดถือว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่ช่วยส่งผลให้บทความSEOของคุณติดอันดับการค้นหาบนโลกอินเตอร์เน็ต ยิ่งถ้าคุณมีคำคีย์เวิร์ดที่ครอบคลุมการค้นหาของผู้คน อีกทั้งยังเป็นคีย์เวิร์ดที่ตรงกับเนื้อหาในบทความ จะทำให้บทความของคุณมีความได้เปรียบที่จะถูกโปรแกรม Search Engine จับการเชื่อมโยงกับการค้นหาของผู้คนจนทำให้บทความของคุณติดอันดับการค้นหาในโลกอินเตอร์เน็ต เราเชื่อถ้าอ่านมาถึงตรงนี้อาจมีบางคนสงสัยว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าคำคีย์เวิร์ดในบทความของเราจะครอบคลุมการค้นหาของผู้คน? ซึ่งเราอยากจะบอกว่าคุณไม่ต้องกังวลไป เพราะเรามีเครื่องมือมาเป็นตัวช่วยคุณ

2.1 โปรแกรม Google Keyword Planner

เป็นเครื่องมือที่ช่วยค้นหาคำ คีย์เวิร์ด ยอดฮิตของนักเขียนSEOเพราะโปรแกรม Google Keyword Planner เป็นโปรแกรมที่ดึงข้อมูลจาก Google โดยตรง ทำให้มีความน่าเชื่อถือสูง ถ้าคุณสนใจอยากให้โปรแกรม Google Keyword Planner มาเป็นเครื่องมือในการค้นหา คีย์เวิร์ด คุณสามารถทำได้โดยง่ายดังนี้

2.1.1 สมัครบัญชี Google Ads ซึ่งคุณต้องเปลี่ยนบัญชีให้เป็นโหมดผู้เชี่ยวชาญ

จากนั้นคุณก็เลือกการสร้างบัญชีโดยไม่ต้องสร้างแคมเปญ

เมื่อคุณกดยืนยันข้อมูลแล้วแสดงว่าคุณสามารถเข้าไปใช้งานโปรแกรม Google Keyword Planner ได้แล้ว

2.1.2 เลือกเมนูเครื่องมือและการตั้งค่าที่อยู่มุมบนขวามือ

เมื่อกดคลิกเข้าไปเรียบร้อยแล้ว คุณจะเจอกับหัวข้อย่อยเด้งขึ้นมาทั้งหมด 6 ช่อง

ให้คุณเลือกหัวข้อที่1 ช่องการวางแผน

จากนั้นคุณก็เลื่อนลงมาคลิกเครื่องมือการวางแผนคีย์เวิร์ด หรือ Keyword Planner นั่นเอง

2.1.3 กดค้นหาคำคีย์เวิร์ดที่สนใจในช่องการค้นหาคีย์เวิร์ดใหม่ ๆ จากนั้นกดค้นหา คีย์เวิร์ดของสินค้าที่คุณสนใจ ระบบจะแสดงข้อมูลการค้นหาคำคีย์เวิร์ดของสินค้าที่คุณสนใจว่ามีอัตราการค้นหาเท่าไรใน google

ซึ่งข้อมูลที่ปรากฏใน Keyword Planner จะมีรายละเอียดอื่น ๆ ที่ช่วยให้คุณสามารถประเมินกลยุทธ์เพื่อเอามาปรับใช้กับการเขียนบทความได้

เช่น คำคีย์เวิร์ดที่มีลักษณะใกล้เคียงกับคีย์เวิร์ดที่คุณสนใจ, อัตราการแข่งขันของคำคีย์เวิร์ดต่าง ๆ และ ผลการค้นหาคำคีย์เวิร์ดย้อนหลัง 24 เดือน เป็นต้น

2.2 โปรแกรม Google Suggest

เครื่องมือแนะนำที่ช่วยค้นหา คำคีย์เวิร์ดที่มีลักษณะใกล้เคียงกับคำคีย์เวิร์ดของคุณใน Google เช่น คุณลองพิมพ์คำว่า “รับจ้าง” ในช่องกรอกคำค้นหาใน Google คุณจะพบว่าโปรแกรม Google Suggest จะขึ้นข้อมูลคำคีย์เวิร์ดแนะนำให้คุณด้านล่าง เช่น รับจ้างขนของ, รับจ้างพิมพ์งาน, รับจ้างทั่วไป, รับจ้างย้ายบ้าน เป็นต้น

เมื่อเราพาคุณไปแนะนำทำความเข้าใจกับโปรแกรมที่เป็นเครื่องมือช่วยค้นหาคำคีย์เวิร์ดเบื้องต้นแล้ว เราจะขอแนะนำคุณเกี่ยวกับการเลือกคำคีย์เวิร์ดเพื่อมาปรับใช้กับบทความของคุณให้ปังติดอันดับมากขึ้นก่อนอื่นเราจะขอพาคุณมาแนะนำให้รู้จักกับคำคีย์เวิร์ดประเภทต่าง ๆ ก่อน ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

    1. Seed keyword หรือ คีย์เวิร์ดทั่วไป เป็นคำที่ระบุถึงสินค้าลักษณะโดยกว้างไม่เจาะจง เช่น เสื้อผ้าผู้หญิง, เสื้อผ้าผู้ชาย ซึ่งสองคำนี้เป็นคำค้นหาปริมาณสูง เปรียบเสมือนเขตน่านน้ำสีแดงในการทำการตลาด ถ้าคุณเลือกใช้ Seed Keyword มาเขียนในบทความย่อมมีความเป็นไปสูงว่าบทความของคุณจะไม่ติดอันดับการค้นหา
    2. Niche keyword หรือ คีย์เวิร์ดเฉพาะ เป็นคำที่ระบุถึงกลุ่มหรือหมวดหมู่ของสินค้า เช่น เสื้อผ้าผู้หญิงยี่ห้อ UNIQCO เป็นต้น ซึ่งเป็นคำคีย์เวิร์ดที่ถูกขยายมาจาก Seed Keyword
    3. Niche Longtail keyword หรือ คีย์เวิร์ดระบุความต้องการที่แน่ชัด เป็นคำที่ระบุความต้องการของผู้บริโภคที่สื่อถึงลักษณะของสินค้าที่เขาต้องการที่แท้จริง เช่น เสื้อผ้าผู้หญิงยี่ห้อ UNIQCO ไซค์ L สีดำ คุณจะพบว่า google จะแสดงรูปภาพที่ตรงกับความต้องการของคุณขึ้นเป็นอันดับแรกของการค้นหา

เมื่อคุณเข้าใจคำคีย์เวิร์ด 3 ประเภทแล้ว ต่อมาเราจะแนะนำวิธีพิจารณาการเลือกคำคีย์เวิร์ดที่จะมาทำให้บทความของคุณติดอันดับการค้นหามากขึ้น

1. เลือกคำคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย หรือ Niche Longtail Keyword เพราะการค้นหาคำใน Google มีอัตราที่แข่งขันน้อยกว่า Seed keyword และ Niche keyword อีกทั้งยังครอบคลุมการค้นหาได้มากกว่า ส่งผลให้บทความของคุณมีโอกาสสูงที่จะติดอันดับเว็บไซต์

2. เลือกคำคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันพอสมควร คือ ไม่มีการแข่งขันการค้นหาคำที่มากเกินไป ล้วนส่งผลให้บทความ ของคุณติดอันดับการค้นหาได้ไม่ยาก เปรียบเสมือนการขายสินค้าในราคาสมเหตุผล ให้กับผู้ซื้อจำนวนมากพอสมควร ย่อมทำให้สินค้าของคุณได้รับการตอบรับในเวลาอันรวดเร็ว

3. เลือกคำคีย์เวิร์ดที่เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของมนุษย์ หรือ “High Commercial Intent ” ซึ่งข้อนี้เราอยากให้คุณลองคิดแบบเศรษฐศาสตร์ ถ้าคุณอยากซื้อสินค้าชิ้นหนึ่ง แต่คุณมีเงินติดตัวเพียงเล็กน้อยซึ่งเป็นทรัพยากรที่จำกัด คุณจะอยากได้สินค้าประเภทใด??

คำตอบโดยใหญ่ก็คือ คุณล้วนอยากได้สินค้าที่มีราคาถูกเป็นหลัก งั้นลองขยับมาคิดเพิ่มอีกหนึ่งขั้น ว่าถ้าคุณมีเงินพิ่มขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอสมควรในการซื้อสินค้า ปัจจัยที่คุณจะพิจารณาซื้อสินค้าหนึ่งชิ้นคืออะไร?? ซึ่งแน่นอนว่าคุณจะไม่ได้พิจารณาที่ราคาอย่างเดียว แต่คุณจะพิจารณาจากประโยชน์หรือคุณภาพของสินค้าแต่ละชนิดที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณเพิ่มอีกหนึ่งขั้น

ดังนั้นการใช้คำคีย์เวิร์ดที่เหมาะกับบทความของคุณ คุณต้องเขียนระบุถึงปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของมนุษย์ มาเป็นตัวกระตุ้นให้มีผู้เยี่ยมเข้ามาอ่านบทความของคุณมากขึ้น ตัวอย่าง โรงแรมอัมรินทร์เทวาห้องพักราคาถูกและสะอาดอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ซึ่งคีย์เวิร์ดคำว่าถูกและสะอาดอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ นี่แหละที่เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้คน ส่งผลให้บทความของคุณติดอันดับใน google ได้ไม่ยาก

3.เขียนบทความ SEO ให้ความความรู้ควบคู่ความสนุก เพื่อปลุกให้บทความติดอันดับการค้นหา

การคิดคอนเทนต์

การเขียนบทความ SEO ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องเขียนบทความเนื้อหาสาระวิชาการเพื่อให้ความรู้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างเดียวเท่านั้น แต่คุณจะต้องมอบประสบการณ์ให้กับผู้เข้ามาเยี่ยมชมด้วย นั้นคือ การให้สาระควบคู่กับความสนุกเพื่อให้ผู้มาเยี่ยมชมเกิดความสุขในการอ่าน การมอบความสุขให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมนี่แหละ มันคือการมอบประสบการณ์อันมีค่า เพราะนอกจากผู้มาเยี่ยมชมจะได้ความรู้ความเข้าใจกลับไปแล้ว เขายังอยากจะส่งต่อความประทับใจที่มีต่อบทความของคุณไปให้กับบุคคลอื่นได้อ่านอีกด้วย ส่งผลให้บทความของคุณมีผู้เข้ามาเยี่ยมอย่างต่อเนื่องจนติดอันดับการค้นหาใน google

เขียนบทความ SEO อย่างไรล่ะที่มอบความสนุกให้ผู้เข้ามาเยี่ยมชม?

ในการเขียนคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาโดนใจ คุณไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลบรรยายที่เป็นตัวอักษรทั้งหมด แต่คุณอาจจะใช้องค์ประกอบอื่นมาเป็นตัวช่วยในการดึงดูดผู้มาเยี่ยมชมให้มาสนใจบทความของคุณได้ด้วยเช่น การใส่ภาพกราฟิกที่มีสีสันสะดุดตาชวนมอง, ใส่ข้อมูลที่เป็นวิดีโอในกรณีที่ต้องการบรรยายเนื้อขนาดใหญ่ที่มีตัวอย่างประกอบความเข้าใจค่อนข้างเยอะ, แนบลิ้งข้อมูลเชิงลึกประกอบการเขียนบรรยายเพื่อให้ผู้เยี่ยมชมสามารถกดเข้าไปอ่านข้อมูลเชิงลึกได้ โดยที่คุณไม่ต้องเขียนบรรยายในบทความมากเกินไป เพื่อลดทอนความไม่น่าสนใจในคอนเทนต์ เป็นต้น

4.บทความเปรียบเสมือนสินค้า ที่ต้องถูกโปรโมทให้เป็นที่รู้จักเพื่อให้เข้าไปติดอันดับการค้นหา

บทความ SEO

หากเขียนคอนเทนต์ดี เนื้อหาสนุก ประเด็นร่วมสมัย คีย์เวิร์ดปัง ทำไมเราต้องโปร โมท ด้วยล่ะ? เราเชื่อว่าหลายคนคงมีคำถามนี้อยู่ในใจกันไม่มากก็น้อย แต่คุณลองคิดดูนะถ้าเปรียบบทความเสมือนสินค้า ต่อให้สินค้าคุณจะมีคุณภาพและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เข้ามาเยี่ยมชมมากแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าสินค้าของคุณไม่ได้รับการโปรโมทให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง คุณคิดว่าผู้คนส่วนใหญ่เขาจะเข้ามาใช้สินค้าของคุณภายในระยะเวลาอันรวดเร็วหรือเปล่า?

ในโลกธุรกิจทุกคนต่างแข่งขันกันโปรโมทสินค้าเพื่อให้สินค้าของตัวเองกลายเป็นที่รู้จักอย่างภายในเวลาอันรวดเร็ว แน่นอนว่าในตลาดมีสินค้าคู่แข่งที่มีคุณสมบัติและราคาที่ใกล้เคียงกับสินค้าของคุณมากมาย แต่ถ้าสินค้าของคุณมีกลยุทธ์การโปรโมทที่เหนือกว่าคู่แข่ง ย่อมทำให้สินค้าของคุณติดตลาด เมื่อสินค้าติดตลาดคุณก็สามารถขายได้เรื่อย ๆ

เปรียบเสมือน บทความถ้าได้รับการโปรโมทจนทำให้มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมจำนวนมากจนติดอันดับการค้นหา ย่อมส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณจะยังติดอันดับอยู่บน google เป็นระยะเวลาที่นานต่อเนื่อง ยากที่จะมีบทความเนื้อหาใกล้เคียงมาโค่นบทความของคุณได้

ซึ่งคุณสามารถศึกษาการโปรโมทบทความ ผ่านหัวข้อ Off- page ในลิ้งนี้ได้เลย ความแตกต่างระหว่าง Off-page และ On-page ที่นักเขียนบทความ SEO ขั้นเทพต้องควรรู้

บทสรุปเนื้อหาในหัวข้อ เขียนบทความSEO อย่างไร ให้ติดอันดับการค้นหา

ถึงแม้ในโลกปัจจุบันการ เขียนบทความ SEO จะมีการแข่งขันค่อนข้างสูง จนบางครั้งคุณซึ่งเป็นนักเขียนบทความ อาจรู้สึกท้อเพราะอยากให้บทความได้เข้าไปติดอันดับการค้นหาในเว็บไซค์ แต่เราเชื่อมั่นเป็นอย่างมากว่าถ้าคุณได้นำเทคนิคที่เราได้เสนอไปข้างบน ไม่ว่าจะเป็น

  1. การเลือกเขียนคอนเทนต์ให้ตรงกับเทรนของกลุ่มเป้าหมาย
  2. การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ไวต่อการเชื่อมโยงของ Search Engine เช่น คีย์เวิร์ดที่ครอบคลุมการค้นหาของกลุ่มเป้าหมาย, คีย์เวิร์ดที่มีอัตราการแข่งขันที่สูงพอควร, คีย์เวิร์ดที่เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของมนุษย์
  3. คอนเทนต์ต้องมีเนื้อหาสนุกมอบความรู้และประสบการณ์ความสุขให้กับผู้มาเยี่ยมชม 4.โปรโมทบทความให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และนี่ก็คือ
  4. เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะได้รับสาระความรู้และประสบการณ์ความสนุกจากบทความของเราไม่มากก็น้อย

Search
Categories