ทุกเว็บไซต์ย่อมต้องมีศูนย์หลักที่เรียกกันว่าเซิร์ฟเวอร์ (Server) ซึ่งโดยปกติแล้วการทำเว็บไซต์จะต้องทำการยืมพื้นที่ของเซิร์ฟเวอร์ ไว้สำหรับฝากข้อมูลของเว็บไซต์ เมื่อมีผู้ใช้งาน (User) เรียกใช้งานหรือเข้าชมเว็บไซต์ จะต้องดึงข้อมูลบนเว็บไซต์มาจากเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์นั้น ๆ มาให้กับผู้ใช้งาน แต่มักมีปัญหาหนึ่งที่พบเห็นได้บ่อย อย่างการโหลดหน้าเว็บไซต์ช้า เพราะเซิร์ฟเวอร์เว็บไซต์นั้นอยู่ไกล ในมุมมองของผู้ใช้งาน เว็บที่ใช้เวลาโหลดนานย่อมสร้างประสบการณ์เชิงลบอย่างแน่นอน เพื่อแก้ปัญหาจึงได้มีการใช้งานเทคโนโลยีที่เรียกว่า “CDN”
ในบทความครั้งนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับเจ้าตัวเทคโนโลยีนี้กันว่ามันคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และมีความสำคัญแค่ไหนทั้งในปัจจุบันและอนาคต
CDN คืออะไร
CDN ย่อมาจาก Content Delivery Network คือเครือข่ายขนาดใหญ่ของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่กระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ บนภูมิภาคโลก โดยเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะเชื่อมต่อกันโดยตรงผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับฝากข้อมูลเว็บไซต์จากเซิร์ฟเวอร์หลักมาไว้ยังเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ของตนเอง แล้วส่งไปยังผู้ใช้งาน (User) ได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลเว็บไซต์เหล่านี้ได้ตลอดเวลา ซึ่งเทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 1990 โดยมุ่งเน้นไปในด้านการรับส่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างการใช้งานของเทคโนโลยีนี้ที่พอจะยกให้เห็นภาพง่าย จะเป็นเมื่อมีผู้ใช้งาน (User) เข้าเว็บไซต์สักเว็บหนึ่ง ข้อมูลของเซิร์ฟเวอร์เว็บไซต์นั้นต้องส่งผ่านอินเทอร์เน็ตมายังผู้ใช้ หากผู้ใช้งานอยู่ไกลจากเซิร์ฟเวอร์นั้น เช่น เซิร์ฟเวอร์เว็บไซต์อยู่สิงค์โปร แต่ผู้ใช้งานอยู่อเมริกา การโหลดไฟล์ข้อมูลที่มีขนาดใหญ่จำพวก รูปภาพและวิดีโอ ก็จะใช้เวลานาน เพราะข้อมูลต้องเดินทางไกล ซึ่งส่งผลให้ผู้ใช้งานต้องรอหน้าเว็บโหลดนาน
แต่ถ้าหากมีการใช้งานและฝากข้อมูลของเว็บไซต์ไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของ Content Delivery Network เมื่อถึงเวลาที่มีการเข้าใช้งานเจ้าสิ่งนี้ก็จะช่วยส่งข้อมูลให้ผู้ใช้งานได้ในทันที ซึ่งช่วยลดเวลาในการโหลดหน้าเว็บ และข้อมูลต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ได้
ภาพตัวอย่าง เทคโนโลยี Content Delivery Network
ที่มา : cloudflare
นอกจากนี้ตัวเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์นี้ยังสามารถทำหน้าที่รับข้อมูลจากฝั่งผู้ใช้งาน (User) ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์นั้น ๆ ได้อีกด้วย โดยตัวเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ Content Delivery Network เหล่านี้มักจะตั้งอยู่ใกล้กับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ถ้าเป็นอย่างบ้านเราก็จะเป็นตามเสา 3BB, TOT, True ฯลฯ เพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
ทำไม CDN ถึงสำคัญกับเว็บไซต์
เป้าหมายหลักของ Content Delivery Network คือการช่วยลดเวลาแฝงในการโหลดหน้าเว็บไซต์ รวมไปถึงข้อมูลต่าง ๆ บนเว็บ โดยการส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตกับเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้ผู้ใช้งาน เพื่อให้ได้ข้อมูลและเข้าชมหน้าเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกกับปัจจุบัน ที่อินเทอร์เน็ตมีความเร็วสูง และผู้ใช้งานเว็บไซต์ส่วนใหญ่มักต้องการ การโหลดหน้าเว็บไซต์ที่รวดเร็วทันใจ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ ภาพ หรือข้อมูลต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าเว็บไซต์ที่มีไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่ และมีจำนวนมาก ที่ต้องการส่งข้อมูลให้ไปแสดงกับผู้เข้าชมเว็บไซต์อย่างรวดเร็ว จะยิ่งมีความจำเป็นที่ต้องใช้งานเทคโนโลยีนี้อย่างยิ่ง
CDN มีประโยชน์อะไรบ้าง
ประโยชน์หลักของ Content Delivery Network มักจะเน้นอยู่ที่การรับส่งข้อมูลของเว็บไซต์ผ่านเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ เพื่อทำให้ข้อมูลเหล่านี้เข้าถึงผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว โดยทั้งผู้ใช้งาน (User) และเว็บไซต์จะได้รับประโยชน์ด้วยทั้งคู่
- โหลดหน้าเว็บได้เร็วขึ้น และเพิ่มยอด Traffic ได้อย่างดี
ประโยชน์อย่างแรกของการใช้งานเทคโนโลยีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์นี้ คือเพื่อทำให้ผู้เข้าชมโหลดหน้าเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว เพราะมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่กระจายไปทั่วโลก และอยู่ใกล้กับเรามากขึ้น ยิ่งมีการโหลดหน้าเว็บไซต์ที่เร็วเท่าไรจะยิ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้งาน ซึ่งส่งผลให้ผู้ใช้งานกลับเข้ามาชมเว็บไซต์ของเราได้อีกในอนาคต - เสริมความปลอดภัยของเว็บไซต์
ตัว Content Delivery Network สามารถรับข้อมูลจากฝั่งผู้ใช้งานได้ เพื่อส่งต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์หลักของเว็บไซต์ ซึ่งหากมีผู้ประสงค์ไม่ดีที่คิดจะใช้การส่งข้อมูลกลับเพื่อโจมตีแบบ DDoS ไปยังเซิร์ฟเวอร์หลักของเว็บไซต์ เพื่อทำให้ตัวเซิร์ฟเวอร์มีปัญหา ตัวอย่างเช่น การกด Refresh หน้าเว็บไซต์ซ้ำ ๆ เพื่อเรียกการใช้ข้อมูลแล้วยกเลิก ทำซ้ำไปเรื่อย ๆ ตัวเครือข่ายกลางอย่าง Content Delivery Network จะทำหน้าที่ในการคั่นกลางระหว่างผู้ที่ส่งมา กับเซิร์ฟเวอร์หลัก ซึ่งการมีตัวกลางมาคั่นระหว่างผู้ใช้งานกับเซิร์ฟเวอร์หลักของเว็บไซต์ จะช่วยป้องกันการส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์เว็บไซต์หลักได้ เป็นตัวช่วยรับประกันได้ว่าเซิร์ฟเวอร์หลักของเว็บไซต์ไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าว
- เนื้อหา Content ประเภทวิดีโอ และภาพส่งตรงถึงใจ
เว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมเข้าชมบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเว็บไซต์สตรีมมิ่งวิดีโอที่โด่งดังอย่าง Netflix การจะส่งข้อมูลที่มีขนาดใหญ่จำพวกวิดีโอเหล่านี้ หากมีเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ไกลผู้ใช้งาน จะทำให้มีการโหลดข้อมูลที่นานจนเกินไป แต่หากมีการฝากไฟล์ข้อมูลเหล่านี้ไว้บนเครือข่าย Content Delivery Network แล้วละก็ การจะโหลดข้อมูลให้ได้เร็วก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ดังนั้นเว็บไซต์ที่มีไฟล์ข้อมูลหนักเหล่านี้ ย่อมได้รับประโยชน์ในส่วนนี้ เพื่อเพิ่มความพึงพอใจต่อการใช้งานของผู้เข้าชมเว็บไซต์ - ลดการใช้ Bandwidth
การโหลดข้อมูลเว็บไซต์จากเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ไกลผู้ใช้งาน จะต้องมีการใช้ Bandwidth ที่ค่อนข้างสูง แต่ถ้ามีการใช้งานเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์อย่าง Content Delivery Network จะช่วยลดปัญหานี้ได้อย่างชัดเจน เพราะเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้ผู้ใช้งาน จะทำให้ค่าการใช้งาน Bandwidth ต่ำลง
ปัญหาของ CDN กับยุคปัจจุบัน
ถึงแม้เทคโนโลยีตัวนี้จะมีประโยชน์กับการทำเว็บไซต์ และหลายเว็บไซต์ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ ต่างหันมาใช้งานกัน แต่ด้วยเรื่องความเร็วของอินเทอร์เน็ตที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้ความต้องการของผู้ใช้งานที่เป็นประเภทสื่อมัลติมีเดียสูงขึ้น ทั้งต้องการความคมชัดของวิดีโอ เสียงคมชัด คลิปวิดีโอต้องเป็นระดับ Full HD หรือ 4K ในทันที สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อเว็บไซต์อย่างแน่นอน เพราะต้องมาตอบสนองความต้องการเหล่านี้ จนเจ้าตัว Content Delivery Network ต้องทำงานหนัก และอาจจะตอบสนองได้ช้าลง
อีกทั้งความท้าทายหนึ่งที่เข้ามาหาเทคโนโลยีอย่าง Content Delivery Network คือการใช้งานของเหล่าอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างสมาร์ตโฟนที่มีเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ทำให้เทคโนโลยีนี้ต้องหันมาปรับตัวให้เข้าและรองรับกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ด้วยเช่นกัน
สรุป CDN เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์เพื่อการส่งข้อมูลที่ดี
สุดท้ายแล้วตัวเทคโนโลยีอย่าง Content Delivery Network เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกทำขึ้นมาเพื่อให้การส่งข้อมูลบนเว็บไซต์ไปให้ผู้ใช้งาน (User) มีความรวดเร็วทันใจมากยิ่งขึ้น แม้จะอยู่ไกลขนาดไหนก็ตาม อีกทั้งยังปฏิเสธไม่ได้ว่าคนเราส่วนใหญ่เวลาท่องเว็บไซต์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเว็บไซต์ในประเทศหรือนอกประเทศ ล้วนต้องการให้หน้าเว็บไซต์โหลดแสดงขึ้นหน้าจอได้อย่างรวดเร็วและทันใจ
ซึ่งเจ้าเทคโนโลยีนี้ก็ได้มาตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาได้อย่างดี มีประโยชน์ทั้งกับผู้ใช้งานและเจ้าของเว็บไซต์ ต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ที่ต้องการ จึงกล่าวได้ว่า Content Delivery Network เป็นเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ตัวกลาง ที่จะช่วยให้การรับส่งข้อมูลของเว็บไซต์กับผู้ใช้งานมีความเข้าถึงกันได้ง่ายมากขึ้น แต่ทั้งนี้ในการเลือกใช้งาน ควรเลือกใช้งานเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ดีและไว้ใจได้ด้วยเช่นกัน