Footer ท้ายเว็บไซต์ควรใช้อย่างไร ให้เกิดประสิทธิภาพกับ SEO

Picture of THAITOPSEO
THAITOPSEO
Footer ท้ายเว็บไซต์ควรใช้อย่างไร ให้เกิดประสิทธิภาพกับ SEO

แม้เจ้าสิ่งที่เรียกว่า “Footer” จะอยู่ที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ ซึ่งหลายคนมักมองข้ามความสำคัญของมัน แต่เมื่อได้พบโอกาสที่คุณจะใช้มันในการสร้างผลลัพธ์ที่ดีกับการทำ SEO เชื่อได้เลยว่าหลายคนคงจะประหลาดใจไม่น้อยทีเดียวที่ส่วนเล็ก ๆ เหล่านี้ สามารถเพิ่มประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ทั้งยังมีผลต่อการเพิ่ม Conversion rate อย่างมีนัยยะสำคัญ

โดยสำหรับบทความนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าเราจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าส่วนท้ายของเว็บไซต์เหล่านี้ได้อย่างไรให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด เพื่อที่คุณจะได้นำไปพัฒนา ต่อยอดให้เว็บไซต์ของคุณเจ๋งขึ้นกว่าเดิม

Footer คืออะไร มีหน้าที่ไว้ทำอะไรกันแน่?

ส่วนท้ายหรือ “Footer” ของเว็บไซต์นั้นเดิมแล้วเจ้าสิ่งนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ มันเป็นเพียงแค่สิ่งที่อยู่ในช่วงท้ายโดยไม่ได้สลักสำคัญอะไรด้วยซ้ำ แต่ในปัจจุบันสิ่งนี้อาจไม่ต่างอะไรจากการเป็นสารบัญที่อยู่ที่ด้านล่างของหนังสือ ที่รวบรวมข้อมูลและลิงก์สำคัญๆ ของเว็บไซต์โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาข้อมูลต่างๆ เช่น ที่อยู่, ข้อมูลลิขสิทธิ์, หรือหน้าการติดต่อ

นอกจากนี้ Footer ยังเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อผู้ใช้งานกับโซเชียลมีเดีย หรือเป็นช่องทางในการสมัครรับข่าวสาร ซึ่งช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้งานกับเว็บไซต์ได้ดีทีเดียว และยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการนำทางที่ชัดเจนผ่าน Footer ผู้ใช้งานก็สามารถเข้าถึงข้อมูลหรือเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้ประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้งานดีขึ้น

ในมุมมองของการตลาดหากส่วนท้ายของเว็บไซต์ มีการถูกออกแบบได้อย่างถูกต้องและมีคุณภาพก็จะสามารถช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพ SEO สำหรับเว็บไซต์ได้ แม้จะไม่ได้ผลทางตรง แต่ก็บอกได้ว่ามันให้ประโยชน์ได้ดีแม้จะมาในแบบอ้อมๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้เว็บไซต์มีความเป็นมืออาชีพ, สร้างความน่าเชื่อถือ สวยงามและแสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์นี้มีความใส่ใจในการเสนอข้อมูล ดังนั้น การให้ความสนใจและลงทุนในการออกแบบ Footer จึงเรียกได้ว่าจะทำให้เว็บไซต์ดูน่าใช้งานมากขึ้น และประสบความสำเร็จได้ในระยะยาวจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ตรงนี้นี่เอง

ในตอนนี้ Footer ยังจำเป็นอยู่หรือไม่สำหรับการทำ SEO?

ในตอนนี้ Footer ยังจำเป็นอยู่หรือไม่สำหรับการทำ SEO?

ย้อนกลับไปในอดีตเราเชื่อว่า Footer มีความสำคัญแบบที่ขาดไม่ได้ในการให้ผลลัพธ์ที่ดีกับการทำ SEO โดยตรงไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ Keyword หรือพยายามสร้างลิงก์ที่เชื่อมโยงไว้ในส่วนท้ายมาก ๆ แต่ในตอนนี้เรียกได้ว่า search engine มีความฉลาดมากขึ้นทำให้การใช้ลิงก์ที่แนบมากับส่วนท้ายของเว็บไซต์มีความสำคัญน้อยลง แต่ถามว่าส่วนท้ายนี้จะถูกลดความสำคัญลงไปต่ำแบบสุด ๆ เลยหรือไม่เราอาจจะต้องพิจารณาจากการใช้งานเชิงลึก

โดย Google จะตรวจสอบทุกลิงก์ที่คุณวางไว้ในส่วนท้ายอย่างละเอียด ซึ่งพวกเขาต้องการทราบว่าคุณใส่ลิงก์อะไรเพื่อช่วยเหลือผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ หรือเพียงแค่ใส่ลิงก์เพื่อใช้ในการปรับปรุง SEO อย่างเดียวเท่านั้น และหาก Google พิจารณาแล้วว่าลิงก์เหล่านั้นช่วยปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้เว็บไซต์เป็นหลัก ลิงก์ส่วนท้ายที่ใส่มาก็จะเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อ Google ที่จะถูกมองว่าสร้างประโยชน์อย่างแท้จริงให้ User

แน่นอนว่าการปรับสมดุลให้เหมาะสมอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะธรรมชาติของนัก SEO ย่อมอยากได้การปรับปรุงวิธีการที่จะช่วยให้คนเห็นเว็บไซต์ได้มากที่สุด โดยจะเห็นได้ว่าบางแหล่งใส่ External link เยอะแยะทีเดียว ในขณะที่ Google เองก็ต้องการให้ผู้เยี่ยมชมของเว็บไซต์ มาจากการได้ประโยชน์จากเว็บไซต์ที่พวกเขานำเสนอ(ในการจัด Ranking) กับ User นั้นเอง

หัวข้อที่มักถูกใช้มากที่สุดในการใส่ใน Footer มีอะไรบ้าง?

หัวข้อที่มักถูกใช้มากที่สุดในการใส่ใน Footer มีอะไรบ้าง?

ความจริงก็คือ ลิงก์ที่ส่วนท้ายหรือ Footer ควรจะช่วยในการนำทางผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณให้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยหลายคนจะเลือกใส่ลิงก์ที่ส่วนท้ายนี้เฉพาะหัวข้อสำคัญของเว็บไซต์เท่านั้นและด้านล่างนี้เป็นรายการลิงก์ที่คุณสามารถใส่ไว้ที่ส่วนท้ายของเว็บไซต์ของคุณโดยไม่ต้องกังวลว่าจะผิดกฎหรือถูกแบน เพราะนี่จะเป็นรายการสำคัญที่จะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพกับการทำ SEO ได้มากที่สุด

  1. ข้อมูลการติดต่อธุรกิจ (Business contact)
    ตั้งแต่ยุคของการตลาดดิจิทัลเริ่มขึ้น การให้ข้อมูลการติดต่อได้อย่างชัดเจนก็กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่สร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ เมื่อผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถติดต่อธุรกิจได้อย่างง่ายดาย ธุรกิจนั้นก็มีโอกาสเพิ่มยอดขายหรือการแปลงผู้เข้าชมเป็นลูกค้าได้มากขึ้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลายเว็บไซต์ควรปักช่องทางที่ชัดเจนและติดต่อได้ไว้เสมอ
  2. ข้อมูลสถานที่ (Location information)
    สำหรับธุรกิจที่มีสถานประกอบการหรือร้านค้าตัวจริง การระบุสถานที่ตั้งใน Footer นั้นสำคัญ เพราะทำให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือและความเป็นจริงของธุรกิจ หรือแม้กระทั่งต้องการเดินทางไปเยี่ยมชมเองได้ถึงที่
  3. ข้อเรียกร้องหรือการสมัครรับข่าว (CTA or Opt-in forms)
    ท้ายเว็บไซต์อาจเป็นเป็นที่สำหรับการวาง “Calls to Action” หรือ CTA การวางแบบฟอร์มสมัครรับข่าวสารในท้ายเว็บเป็นวิธีที่แทบทุกธุรกิจใช้เพื่อสร้างฐานข้อมูลลูกค้าหรือผู้ที่สนใจธุรกิจ ซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจและลูกค้าได้อย่างยาวนานและย้ำเตือนว่าธุรกิจต้องการอะไรจากลูกค้า
  4. แผนผังเว็บไซต์ (Sitemap)
    การวางแผนผังเว็บไซต์ช่วยให้ผู้ใช้และเครื่องมือค้นหาเช่น Google สามารถเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ในเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้าง SEO และการนำทางผู้ใช้ในเว็บไซต์ได้ดีหากมีการจัดการอย่างเป็นระบบ
  5. นโยบายความเป็นส่วนตัวและข้อกำหนดการใช้งาน (Privacy Policy and Terms of Use)
    หลายประเทศมีกฎระเบียบที่บังคับให้เว็บไซต์มีการระบุนโยบายความเป็นส่วนตัว การใส่นโยบายเหล่านี้ใน Footer แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจที่มีการจัดการข้อมูลลูกค้า
  6. คำรับรองจากลูกค้า (Testimonials)
    คำรับรองจากลูกค้าเป็นเครื่องมือการตลาดที่มีความน่าเชื่อถือ การวางคำรับรองหรือรีวิวจากลูกค้าที่ Footer ช่วยให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์รู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวในการเลือกใช้บริการหรือสินค้าจากธุรกิจนั้น
  7. หน้าหมวดหมู่ (Category pages)
    การแบ่งเนื้อหาตามหมวดหมู่ทำให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและเป็นระบบ เช่น สำหรับเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ การแบ่งหมวดหมู่ของสินค้าทำให้การค้นหาสินค้าง่ายขึ้น
  8. หน้านำทางหลัก (Main navigation pages)
    หน้านี้เป็นหน้าหลักที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาหลัก ๆ ของเว็บไซต์ การวางลิงก์ไปยังหน้าเหล่านี้ช่วยในการนำทางผู้ใช้งานเว็บไซต์อย่างมีประสิทธิภาพ
  9. ข้อมูลลิขสิทธิ์ (Copyright information)
    การแสดงข้อมูลลิขสิทธิ์มักจะเป็นการระบุสิทธิ์ของเนื้อหาและออกแบบของเว็บไซต์ เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ์ นับเป็นเรื่องจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ซึ่งคุณจะต้องแสดงไว้ด้วยในกรณีที่คุณมีเว็บไซต์ซึ่งละเอียดอ่อนเกี่ยวกับการแสดงสินค้าหรือบริการ
  10. วิดเจ็ตโซเชียลมีเดีย (Social media widgets)
    เนื่องจากโซเชียลมีเดีย เป็นช่องทางสำคัญในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าและเป้าหมาย การเพิ่มวิดเจ็ตหรือลิงก์ไปยังโซเชียลมีเดียทำให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
  11. แกลเลอรีภาพย่อๆ (Mini photo gallery)
    แกลเลอรีภาพย่อ ๆ สามารถใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ หรือเน้นคุณสมบัติเด่นของธุรกิจ โดยเฉพาะกับการแสดงผลงานจะช่วยให้ User ได้เห็นภาพอย่างตรงไปตรงมา
  12. กิจกรรมที่จะมาถึง (Upcoming events)
    สำหรับธุรกิจหรือองค์กรที่มีกิจกรรมระยะสั้น หรือโปรโมชันต่าง ๆ การแสดงกิจกรรมที่จะมาถึงในส่วนของท้ายเว็บไซต์เป็นวิธีที่ดี ในการแจ้งเตือนและดึงดูดความสนใจเพื่อสะกดใจลูกค้าได้
  13. บทความล่าสุด (Latest articles)
    สำหรับเว็บไซต์ที่มีการประกาศข่าวหรือบล็อก การเน้นบทความล่าสุดที่ Footer ช่วยให้ผู้เข้าชมได้รับรู้เนื้อหาใหม่ ๆ และส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว

4 เรื่องที่ควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Footer

4 เรื่องที่ควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Footer

แม้การใช้ Footer จะสามารถปรับเปลี่ยนไปตามกลยุทธ์ด้านการนำเสนอของเว็บไซต์ แต่ความเป็นจริงแล้วเราก็เป็นต้องรู้เช่นกันว่าเมื่อมีการปรับเปลี่ยนสิ่งใดลงไปอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง และนี่คือสิ่งที่คุณควรจะต้องรู้ไว้ก่อนปรับเปลี่ยนใด ๆ ก็ตาม

  1. Google ไม่ได้ให้น้ำหนักกับ External Links ในส่วนท้ายของเว็บไซต์มากนัก
    การวาง External Links ไว้ในส่วนท้ายของเว็บไซต์อาจเป็นเรื่องธรรมดาที่ถูก Google มองว่าไม่ได้สำคัญ ซึ่งจากการทดสอบอย่างละเอียด ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO และบริษัทที่ออกแบบเว็บไซต์ทั่วไปต่างเห็นตรงกันว่าควรใช้ Internal Links จะส่งผลที่ดีกว่าในเชิงของการทำ SEO เฉพาะเมื่อคุณต้องการแสดงธุรกิจที่เกี่ยวข้อง หรือลิงก์ไปยังโซเชียลมีเดีย การทำแบบนี้จะทำให้เว็บไซต์ของคุณดูดีมากกว่าในสายตาของ Google
  2. ข้อมูลในส่วนท้ายของเว็บไซต์มักจะได้รับ CTR ที่ต่ำมาก
    คนส่วนใหญ่เลื่อนไปที่ส่วนท้ายของเนื้อหาเนื่องจากส่วนหนึ่งอาจไม่พบสิ่งที่ต้องการเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าโดยทั่วไปแล้ว ลิงก์ส่วนท้ายนี้จะมีอัตราการคลิกผ่านที่ต่ำมาก หรือเป็นเพียงช่องทางที่คนอาจไม่สนใจด้วยซ้ำ ดังนั้นอะไรก็ตามที่สำคัญ อย่างพยายามใส่ไว้ในจุดนี้ นอกจากจะใช้มันเป็นส่วนที่นำทางหรือช่วยเหลือก็จะให้ประโยชน์ได้สูงกว่านั่นเอง
  3. ลิงก์มากเกินไปอาจทำให้คุณภาพของหน้าลดลง
    การใส่ลิงก์ที่มากเกินไปในส่วนท้ายของเว็บไซต์ ย่อมไม่ใช่ผลดี เพราะแทนที่สิ่งเหล่านั้นจะช่วยให้อันดับดีขึ้น แต่มันจะทำให้ Google กลับมองว่านี่คือส่วนหนึ่งของการ Spam ดังนั้นหากไม่อยากให้อันดับของคุณตกไปมากกว่านี้ ขอแนะนำว่าควรใส่เฉพาะลิงก์ที่สำคัญและมีประโยชน์จริง ๆ
  4. อย่าใช้เวลาปรับหน้าส่วนท้ายมากเกินไป
    สำหรับการทำ SEO แล้วทุกสิ่งล้วนสำคัญมากน้อยต่างกันไปในส่วนท้ายของเว็บไซต์อาจเรียกได้ว่ามันไม่ควรสำคัญขนาดที่เราจะใช้เวลาเป็นวัน ๆ เพื่องมหาจุดที่ใช่ที่สุดเพราะมันให้ผลค่อนข้างน้อยทีเดียว เมื่อเทียบกับการปรับแต่งเนื้อหา สิ่งสำคัญเลยก็คือ “ต้องทำให้ง่าย (แต่มีคุณภาพ)เข้าไว้” แล้วทุกอย่างจะดีเอง

สรุปแล้ว Footer ไม่เพียงแค่เป็นส่วนที่อยู่ท้ายสุดของเว็บไซต์เท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนที่รวบรวมข้อมูลสำคัญและทำหน้าที่ในการนำทางผู้ใช้งาน เพื่อให้เขาสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย แม้ในแง่ของการทำ SEO แล้วส่วนนี้จะไม่ได้ดูพิเศษเหนือใคร แต่ก็ยอมรับได้เลยว่าหากคุณสามารถพัฒนาการใช้งานมันได้อย่างถูกต้อง ก็จะทำให้เว็บของคุณดูมีเสน่ห์และมีความเป็นมืออาชีพได้ไม่น้อยเลยดีเดียว

Search
Categories