นักการตลาดจำนวนไม่น้อยมักคุ้นเคยกับการทำ SEO ในบทบาทของการสร้าง Content เป็นส่วนใหญ่ ด้วยความเข้าใจตรงกันว่าการส่งมอบเนื้อหาที่ดี คือพื้นฐานที่จำเป็นที่สุดสำหรับการทำ SEO จึงไม่แปลกเลยที่การสร้าง Content จะเป็นปัจจัยหลักที่ถูกให้ความสำคัญ ตัดภาพมาที่นักสร้างเว็บไซต์ก็อาจมองว่า Site structure หรือโครงสร้างของเว็บไซต์ คือสิ่งมาเป็นอันดับต้น ๆ สำหรับสร้างความเป็นระเบียบเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานและได้คะแนนที่ดี จาก Search engine แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำ SEO อย่างเห็นได้ชัดก็คือ การสร้าง “Backlink” ที่จะช่วยผลักดันให้เว็บไซต์หรือตัว Content ได้รับคะแนนการจัดอันดับเพื่อติดหน้าแรกสูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นเครื่องยืนยันด้วยว่าเว็บไซต์นั้นมีความน่าเชื่อถือไปในตัว
Backlink คืออะไรและสำคัญอย่างไรกับการทำ SEO?
Backlink คือ ลิงก์ที่ชี้จากเว็บไซต์ภายนอก (ไม่ใช่ Domain ของเรา) กลับมายังเว็บไซต์เรา เป็นการบอกกับ Search engine ว่าเนื้อหาของเรามีตัวตน, น่าเชื่อถือแค่ไหน, มีประโยชน์หรือไม่ และได้รับการยอมรับจากใคร โดยข้อมูลเหล่านี้จะส่งกลับมาให้ Search engine อย่าง Google เก็บข้อมูลแล้วให้คะแนนกับหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ เวลาที่มีการอ้างอิงข้อมูลบางอย่างมาจากเว็บไซต์ของเรา โดยเว็บไซต์อื่นอาจเอาข้อมูลของเราไปปักอ้างอิงไว้หรือใช้เสริมเนื้อหาของตนเอง ทำให้ลิงก์ที่ถูกปักไว้มีการชี้กลับมายังเว็บไซต์เรา ส่งผลให้ Search engine สามารถเก็บคะแนนได้เรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เราได้อ้างอิง link ไว้กับที่อื่น ทำให้เกิดเครดิตย้อนกลับมาหาตัวเราในที่สุด จึงเรียกได้ว่าสิ่งนี้ส่งผลในแง่ของการจัดอันดับการค้นหาโดยตรง
ที่มาของภาพ : https://backlinko.com/hub/seo/backlinks
ลองสมมุติง่าย ๆ ว่าหากคุณมีบทความเกี่ยวกับความรู้เฉพาะทางสักชิ้นหนึ่ง แล้วเราเขียนบทความนั้นออกมาให้อ่านง่าย เข้าใจได้กระชับชัดเจน แล้วปรากฏว่าข้อมูลชุดนั้นคือสิ่งที่แก้ไขปัญหาให้ผู้คนได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ย่อมทำให้ผู้อ่านเกิดการแชร์ต่อหรือมี Creator หยิบเนื้อหาไปต่อยอดนำไปใช้อ้างอิง ในบทความตามแหล่งอื่น ๆ ส่งผลให้ความน่าไว้วางใจในเนื้อหาของคุณมีเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยในกรณีที่ข้อมูลของพวกเขาชี้มายังแหล่งอ้างอิง (Source reference) ซึ่งกรณีนี้จะทำให้ Search engine พยายามเสิร์ฟบทความของคุณให้กับผู้อ่านได้ถึงมือมากขึ้นนั่นเอง (จัดอันดับไว้หน้าแรก)
นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างง่าย ๆ เกี่ยวกับภาพรวมของลิงก์ย้อนกลับที่มีส่วนสร้างเครดิตให้เว็บไซต์ดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น ยิ่งสร้างได้มากเท่าไหร่ การจัดอันดับเพื่อขึ้นหน้าแรกบน Google ก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย
ประเภทที่มาของ Backlink
Backlink จัดได้ว่ามีหลายประเภทด้วยกัน และการทำความเข้าใจประเภทต่าง ๆ จะช่วยให้คุณกำหนดกลยุทธ์การสร้างลิงก์ได้ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทดังนี้
DoFollow Links – ลิงก์ที่เปิดให้ติดตาม โดยในทางเทคนิค DoFollow คือการปล่อยให้ Googlebot ได้ติดตามลิงก์เพื่อดูว่า Content นั้นมีคุณภาพหรือเชื่อมโยงกันหรือไม่ เพื่อจัดทำการจัดทำ Index ซึ่งหากเราทำลิงก์โยงไปยังเว็บไซต์อื่น เว็บไซต์นั้นก็จะได้รับผลจากคะแนนที่เราทำ SEO ของเว็บไซต์เราตามไปด้วย ในกรณีเดียวกัน หากมีเว็บไซต์ที่ได้คะแนน SEO ดี ๆ ส่งลิงก์ย้อนกลับอ้างอิงถึงเว็บไซต์ของเรา ก็จะทำให้เว็บไซต์ของเรามีอันดับที่ดีมากขึ้นเช่นกัน ยิ่งได้รับ DoFollow Links มากเท่าไหร่ ก็จะส่งผลในเรื่องจัดอันดับที่ดีมากขึ้นเท่านั้น
Nofollow Links – ลิงก์ที่ไม่เปิดให้ติดตาม เป็นลิงก์ที่เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์อื่นแต่จะไม่ส่งผลต่อคะแนน SEO ไปยังปลายทาง โดยตัวของ Googlebots เองก็จะไม่ทำการ Index ข้อมูลด้วยเช่นกัน ทำให้ไม่มีผลต่อการจัดอันดับ โดยลิงก์ที่มาจาก Social Media ก็นับเป็น Nofollow Links เช่นกัน ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีลิงก์ประเภทนี้จะมีไว้กันสแปม (Spam) แม้ดูผิวเผินเหมือนลิงก์ประเภทนี้จะไม่มีประโยชน์ แต่ในปัจจุบันก็ได้มีการพิสูจน์แล้วว่าการทำ SEO ด้วย Nofollow Links ก็สามารถมีส่วนช่วยให้หน้าเว็บไซต์ติดอันดับได้เช่นกัน
Sponsored or Paid Links – ลิงก์นี้จะช่วยให้ google ระบุได้ว่าเป็นลิงก์เกี่ยวกับการขายหรือถูกสนับสนุน หากมีการใช้เงิน, ผลิตภัณฑ์ หรือบริการเพื่อแลกเปลี่ยนกับการได้ลิงก์มา โดยลิงก์ประเภทนี้จะไม่จัดเป็น DoFollow Links (แต่ก็ไม่จัดเป็น Nofollow Links เช่นกัน) และเป็นการบอกว่าลิงก์ดังกล่าวไม่ใช่สแปม (Spam) เพื่อป้องกันการถูกปิดกั้นในภายหลัง
UGC Links – คือลิงก์เกิดจาก User Generated Content ซึ่งหมายถึง Content ที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ใช้งานเว็บไซต์ เช่น กระทู้บนเว็บบอร์ด, คอมเมนต์บนโพสต์, การแลกเปลี่ยนข้อมูลกันบนหน้าเว็บไซต์ โดยในแง่ของการตลาด content ประเภทนี้จะมีความน่าเชื่อถือมาก เนื่องจากเป็น content ที่เกิดขึ้นจากผู้ใช้งานโดยตรง
Editorial links – จัดเป็นลิงก์ประสิทธิภาพสูงเนื่องจากเป็นลิงก์ที่เกิดขึ้นจาก Content Ogenic ซึ่งส่วนใหญ่จัดขึ้นเพื่อมุ่งหวังในการให้ประโยชน์โดยตรง ทำให้เนื้อหาย่อมมีความเชื่อมโยงกันอย่างเป็นธรรมชาติ มีผลทำให้ google มองว่าลิงก์ที่ได้มีความน่าเชื่อถือตามไปด้วย
Link Scheme – เรียกอีกอย่างได้ว่าเป็น ลิงก์สแปม (Spam) มีจุดประสงค์เพื่อสร้างการไต่อันดับ SEO อย่างผิดปกติไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งไม่ใช่วิธีการที่ Google ยอมรับ เช่น การได้ลิงก์มาจากกำหนดให้ลิงก์เป็นส่วนหนึ่งของข้อกำหนดในการให้บริการ, การแลกเปลี่ยนลิงก์มากเกินไปจนผิดปกติ, มีการใช้ Follow Links บน Ads แบบบังคับให้ดู เป็นต้น
Backlink ที่ดีควรเป็นแบบไหน?
ไม่ใช่ว่าการมี ลิงก์ย้อนกลับจำนวนมากจะเป็นเรื่องที่ดีเสมอไป เพราะเรื่องคุณภาพของลิงก์ก็ยังเป็นสิ่งที่ Google ได้ให้คุณค่ามากที่สุดเช่นกัน โดยในหัวข้อนี้เราจะมาดูกันว่า Backlink ที่ดีและไม่ดี มีหน้าตาเป็นอย่างไร
ลักษณะของ Backlink ที่ดี
Backlink ที่ดีต้องมีผลทำให้ได้รับคะแนนจาก Search engine เพื่อทำ Ranking สูงขึ้นซึ่งมีลักษณะดังนี้
- มาจากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ
- หากเว็บไซต์ของคุณได้รับลิงก์ย้อนกลับจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น จากเว็บไซต์ของรัฐบาล หรือสำนักข่าวชื่อดัง ย่อมได้คะแนนที่ดีกว่าการถูกลิงก์มาจาก Blog spam อย่างแน่นอน ซึ่งผลพวงจาก ความน่าเชื่อถือในจุดนี้ที่เชื่อมโยงกันและกัน คือสิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันได้อีกทางหนึ่งว่า “ผู้คนส่วนมากได้ให้ค่ากับเว็บไซต์นั้นด้วย”
- หากเว็บไซต์ของคุณได้รับลิงก์ย้อนกลับจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น จากเว็บไซต์ของรัฐบาล หรือสำนักข่าวชื่อดัง ย่อมได้คะแนนที่ดีกว่าการถูกลิงก์มาจาก Blog spam อย่างแน่นอน ซึ่งผลพวงจาก ความน่าเชื่อถือในจุดนี้ที่เชื่อมโยงกันและกัน คือสิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันได้อีกทางหนึ่งว่า “ผู้คนส่วนมากได้ให้ค่ากับเว็บไซต์นั้นด้วย”
- Backlink ที่เชื่อมกันต้องมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน
- การเชื่อมโยงเนื้อหาที่มีลักษณะเดียวกันจะทำให้ Content นั้น ๆ ดูกลมกลืนกันมากขึ้น ไม่มีเหตุผลที่คุณต้องเขียนเรื่องหนึ่งลงในเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาต่างกันโดยไม่มีหัวข้อที่เชื่อมโยงกัน เพราะสิ่งนี้จะทำให้ผู้อ่านไม่ได้รับจุดประสงค์ที่ควรจะได้แล้วก็ยังมองว่าเว็บไซต์ยังไม่มีความน่าเชื่อถืออีกด้วย เนื่องจากไม่คำนึงถึงการผูกเนื้อหาที่ร้อยเรียงกัน
- การเชื่อมโยงเนื้อหาที่มีลักษณะเดียวกันจะทำให้ Content นั้น ๆ ดูกลมกลืนกันมากขึ้น ไม่มีเหตุผลที่คุณต้องเขียนเรื่องหนึ่งลงในเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาต่างกันโดยไม่มีหัวข้อที่เชื่อมโยงกัน เพราะสิ่งนี้จะทำให้ผู้อ่านไม่ได้รับจุดประสงค์ที่ควรจะได้แล้วก็ยังมองว่าเว็บไซต์ยังไม่มีความน่าเชื่อถืออีกด้วย เนื่องจากไม่คำนึงถึงการผูกเนื้อหาที่ร้อยเรียงกัน
- ระบุลงใน Anchor Text ว่าสื่อถึงการลิงก์ไปยังจุดใด
- เดิมที Anchor Text คือสิ่งที่ยืนยันให้กับ Google ได้รู้ว่าเว็บไซต์ของเรานั้นเกี่ยวกับอะไร ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่คนทำ ลิงก์ย้อนกลับต้องรู้ เพราะนอกจากจะช่วยให้เว็บไซต์ของเราไม่ถูกมองเป็น Spam ก็ยังเป็นจุดที่ช่วยเชื่อมโยง Content ของเราให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นอีกด้วย
- เดิมที Anchor Text คือสิ่งที่ยืนยันให้กับ Google ได้รู้ว่าเว็บไซต์ของเรานั้นเกี่ยวกับอะไร ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่คนทำ ลิงก์ย้อนกลับต้องรู้ เพราะนอกจากจะช่วยให้เว็บไซต์ของเราไม่ถูกมองเป็น Spam ก็ยังเป็นจุดที่ช่วยเชื่อมโยง Content ของเราให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นอีกด้วย
- ควรทำลิงก์ประเภท Dofollow เพื่อให้ Bot เก็บข้อมูล
- ปกติลิงก์ที่เราได้ทำการฝากไว้จะมีทั้งประเภท Dofollow และ Nofollow ซึ่งการที่เราตรวจสอบแล้วว่าหากมีลิงก์ Nofollow เป็นจำนวนมาก ก็จะทำให้ Bot ไม่มีการเข้ามาเก็บคะแนนในเว็บไซต์ของเราเท่าที่ควร แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกลิงก์จำเป็นต้อง Nofollow เสมอไป เพียงแต่เราต้องเข้าใจและรู้ว่าควรจะปรับจุดไหนให้ลิงก์ของเราควรเป็น Dofollow
- ปกติลิงก์ที่เราได้ทำการฝากไว้จะมีทั้งประเภท Dofollow และ Nofollow ซึ่งการที่เราตรวจสอบแล้วว่าหากมีลิงก์ Nofollow เป็นจำนวนมาก ก็จะทำให้ Bot ไม่มีการเข้ามาเก็บคะแนนในเว็บไซต์ของเราเท่าที่ควร แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกลิงก์จำเป็นต้อง Nofollow เสมอไป เพียงแต่เราต้องเข้าใจและรู้ว่าควรจะปรับจุดไหนให้ลิงก์ของเราควรเป็น Dofollow
ลักษณะของ Backlink ที่ควรหลีกเลี่ยง
ในขณะเดียวกันก็มี Backlink บางประเภทที่อาจไม่ได้สร้างประโยชน์เท่าที่ควร และอาจมีผลทำให้ Ranking ของเราลดลงอีกด้วย นั้นก็คือ
- ลิงก์ที่ตั้งใจถูกซ่อนเอาไว้
- คือ ลิงก์ที่พยายามซ่อนตัวเอาไว้บนหน้าเว็บไซต์ โดยไม่ได้หวังหรือตั้งใจให้คนเข้าไปคลิก เพียงแต่มีอยู่โดยถูกบังไว้ไม่ให้เห็น ลิงก์ประเภทนี้คือสิ่งที่ไม่ถูกต้องและหาก google ตรวจพบก็จะทำให้ Ranking ตกได้อย่างรวดเร็ว
- คือ ลิงก์ที่พยายามซ่อนตัวเอาไว้บนหน้าเว็บไซต์ โดยไม่ได้หวังหรือตั้งใจให้คนเข้าไปคลิก เพียงแต่มีอยู่โดยถูกบังไว้ไม่ให้เห็น ลิงก์ประเภทนี้คือสิ่งที่ไม่ถูกต้องและหาก google ตรวจพบก็จะทำให้ Ranking ตกได้อย่างรวดเร็ว
- ลิงก์ที่อยู่ใน Spam website
- อะไรก็ตามที่เป็น Spam Google แทบจะปัดตกในทันที เพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยเรื่องของการให้ประโยชน์ สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้เว็บไซต์ดูรกตาและไม่น่าเข้าอีกด้วยสำหรับ User
- อะไรก็ตามที่เป็น Spam Google แทบจะปัดตกในทันที เพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยเรื่องของการให้ประโยชน์ สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้เว็บไซต์ดูรกตาและไม่น่าเข้าอีกด้วยสำหรับ User
- เนื้อหาของเว็บไซต์ไม่เกี่ยวข้องกัน
- หัวข้อหรือเนื้อหาที่ไม่ได้เชื่อมโยงกันและกัน User สามารถมองออกได้ว่าสิ่งนี้อยู่ผิดที่ผิดทาง และ google เองก็จะเห็นเช่นนั้น นี่คือสิ่งที่คุณควรระวัง เพราะสุดท้ายแล้วมันจะกระทบกับเรื่องของความน่าเชื่อถือบนภาพรวมของเว็บไซต์
- หัวข้อหรือเนื้อหาที่ไม่ได้เชื่อมโยงกันและกัน User สามารถมองออกได้ว่าสิ่งนี้อยู่ผิดที่ผิดทาง และ google เองก็จะเห็นเช่นนั้น นี่คือสิ่งที่คุณควรระวัง เพราะสุดท้ายแล้วมันจะกระทบกับเรื่องของความน่าเชื่อถือบนภาพรวมของเว็บไซต์
- มีลิงก์ที่อยู่ซ้ำกันในหน้าเดียวมากเกินไป
- สิ่งนี้แทบไม่ต่างจากการ Spam แต่ก็ไม่ถือว่าใช่เสียทีเดียว ความคล้ายคลึงกันนี้อาจก่อให้เกิดการเข้าใจผิดได้ และในฐานะของ User เองก็คงไม่ดีแน่ ๆ เพราะมันจะทำให้ดูเหมือนคุณ “พยายามยัดเยียด” มากเกินไป (สามารถศึกษาเรื่องของ “keyword stuffing” ได้ที่นี่ คลิก) ซึ่งเจ้าตัว Bot เองก็มองว่าเป็นเช่นนั้น
- สิ่งนี้แทบไม่ต่างจากการ Spam แต่ก็ไม่ถือว่าใช่เสียทีเดียว ความคล้ายคลึงกันนี้อาจก่อให้เกิดการเข้าใจผิดได้ และในฐานะของ User เองก็คงไม่ดีแน่ ๆ เพราะมันจะทำให้ดูเหมือนคุณ “พยายามยัดเยียด” มากเกินไป (สามารถศึกษาเรื่องของ “keyword stuffing” ได้ที่นี่ คลิก) ซึ่งเจ้าตัว Bot เองก็มองว่าเป็นเช่นนั้น
- ลิงก์มาจากเว็บไซต์ที่ไม่รู้จักและไม่มีประโยชน์
- สิ่งนี้มีผลต่อความน่าเชื่อถือโดยตรง เพราะอย่างที่บอกว่าลิงก์ที่ดีจะได้คะแนนสูงจากความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ที่ผู้คนให้การยอมรับเป็นหลัก แต่ถ้าหากลิงก์มาจากเว็บไซต์ที่ไม่รู้จัก ไม่มีเนื้อหาที่ดี ไม่มีประโยชน์ ก็ย่อมทำให้คะแนนการ Ranking ไม่ได้รับการโหวตด้วยนั่นเอง
- สิ่งนี้มีผลต่อความน่าเชื่อถือโดยตรง เพราะอย่างที่บอกว่าลิงก์ที่ดีจะได้คะแนนสูงจากความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ที่ผู้คนให้การยอมรับเป็นหลัก แต่ถ้าหากลิงก์มาจากเว็บไซต์ที่ไม่รู้จัก ไม่มีเนื้อหาที่ดี ไม่มีประโยชน์ ก็ย่อมทำให้คะแนนการ Ranking ไม่ได้รับการโหวตด้วยนั่นเอง
- ลิงก์ที่มาจากการซื้อขายเพื่อเปลี่ยนการจัดอันดับ
- แม้ว่าการเสียเงินเพื่อให้ได้ ลิงก์ย้อนกลับ จะสามารถทำได้ หากทำอย่างถูกต้อง แต่เชื่อได้ว่าไม่ใช่ทั้งหมดที่จะทำให้วิธีการเช่นนี้ราบรื่น เพราะคุณจำเป็นต้องตรวจสอบหลายอย่างว่าเมื่อคุณได้ทำลงไปแล้ว google จะมองเว็บไซต์ของคุณว่าเป็นแบบใด ไม่แน่เสมอไปว่าเมื่อคุณจ่ายมากกว่าแล้วจะได้ผลดีตามมา บางครั้งการกลับไปปฏิบัติขั้นตอนที่ “ดั้งเดิมและเป็นพื้นฐาน” ในการทำ SEO จะช่วยตอบโจทย์ได้ดีกว่าในระยะยาว
- แม้ว่าการเสียเงินเพื่อให้ได้ ลิงก์ย้อนกลับ จะสามารถทำได้ หากทำอย่างถูกต้อง แต่เชื่อได้ว่าไม่ใช่ทั้งหมดที่จะทำให้วิธีการเช่นนี้ราบรื่น เพราะคุณจำเป็นต้องตรวจสอบหลายอย่างว่าเมื่อคุณได้ทำลงไปแล้ว google จะมองเว็บไซต์ของคุณว่าเป็นแบบใด ไม่แน่เสมอไปว่าเมื่อคุณจ่ายมากกว่าแล้วจะได้ผลดีตามมา บางครั้งการกลับไปปฏิบัติขั้นตอนที่ “ดั้งเดิมและเป็นพื้นฐาน” ในการทำ SEO จะช่วยตอบโจทย์ได้ดีกว่าในระยะยาว
สรุป
จากที่กล่าวมาทั้งหมด ทำเราสามารถสรุปสั้น ๆ ได้ว่าทำไม ลิงก์ย้อนกลับถึงสำคัญกับ SEO ได้ดังนี้
- เพิ่มการจัดอันดับ(Ranking)
- เพิ่มความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์
- มีผลให้เว็บไซต์ผ่านเกณฑ์ E-A-T Factor ของ Google Search
- ช่วย Google ค้นหา new pages ของเราได้
- ช่วยส่ง Referral traffic ไปยังเว็บไซต์ของคุณ
เห็นได้ชัดเจนว่า ลิงก์ย้อนกลับจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการทำ SEO อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางเทคนิค Off-Page ที่เปรียบได้กับกำลังพลแนวหลังคอยสนับสนุน Content On-Page ให้การทำ SEO ของเราแข็งแกร่งได้อย่างที่ควรจะเป็น เพื่อสร้างโอกาสชนะสงครามบนโลกดิจิทัลได้มากขึ้น