Backlink ไม่มีคุณภาพ แก้ได้ด้วย Disavow links

Picture of THAITOPSEO
THAITOPSEO
Disavow links 1

Backlink เป็นวิธียอดนิยมในการใช้งาน Link แบบหนึ่ง ที่มาช่วยในการทำ Off-Page ของ SEO ได้เป็นอย่างดี อาจเรียกได้ว่า Backlink เป็นวิธีการที่ช่วยเพิ่มยอดการเข้าถึงและความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ได้เป็นอย่างมาก แต่ด้วยเป็นวิธีการที่ดูเหมือนดี มันก็มีพิษร้ายซ่อนอยู่เช่นกัน หากใช้งานไม่เป็นหรือไม่จัดการดูแลการใช้งาน Backlink ให้ดีจนกลายเป็น Bad Backlink (ลิงก์ไม่มีคุณภาพ) มันจะส่งผลเสียต่อเว็บไซต์ที่ทำ SEO จนอันดับบนผลการค้นหา (SERP) ตกลงแบบทันที ถ้าเป็นแบบนั้นจะทำการตรวจสอบและแก้ไขอย่างไรดี ครั้งนี้เราจะมาแนะนำวิธีการหนึ่งที่ทาง Google จะช่วยคุณได้กับวิธีการ Disavow links แล้วเจ้าวิธีการนี้คืออะไร มีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง เราจะมาพูดถึงพร้อมกันในบทความนี้

Disavow links 2



Disavow links คือ เครื่องมือการปฏิเสธหรือกำจัด Backlink ที่มายังเว็บไซต์ของคุณ เพราะไม่ใช่ทุก Backlink ที่จะส่งผลดีกับเว็บไซต์ ถ้าเป็นเมื่อก่อน Google อาจจะมองว่าการที่เว็บไซต์มี Backlink เยอะทำให้เว็บดูน่าเชื่อถือ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความฉลาด AI ของ Google ทำให้เรียนรู้และเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ว่าการที่เว็บไซต์มี Backlink เยอะแล้วใช่ว่าจะดี เพราะบาง Backlink ไม่ได้มีเนื้อหาหรือส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเว็บไซต์เรา การที่มีลิงก์ที่ไม่เกี่ยวข้องค้างอยู่ที่เว็บไซต์เรา จะส่งผลเสียต่อการทำ SEO เพราะ Google จะมองว่าเป็น ลิงก์ที่ไม่มีคุณภาพ ดังนั้นเพื่อปฏิเสธหรือกำจัด Backlink ที่ไม่มีคุณภาพ จึงต้องใช้งานเครื่องมือที่ว่านี้จาก Google

Disavow links 3



แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าตอนไหน ควรจะต้องใช้งานเครื่องมือตัวนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะรู้ได้ว่าต้องใช้งาน Disavow links มักจะมีอยู่ 2 สัญญาณที่บ่งบอกได้

1.เว็บไซต์คุณมียอดการเข้าถึงต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด

ให้ตั้งขอสันนิฐานได้เลยว่าหากมียอดการเข้าถึงที่ต่ำลง หรืออันดับเว็บไซต์ตกลงอย่างรวดเร็ว ต้องมี Backlink ไม่ดี ไม่มีคุณภาพลิงก์มาหายังเว็บไซต์ของเราแน่ ๆ หากเป็นแบบนั้นเมื่อไรก็ควรต้องรีบกำจัด Backlink ที่ไม่มีคุณภาพนี้ออกไปเสีย แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรกันละว่าลิงก์ไหนไม่มีคุณภาพ โดย Backlink ไม่มีคุณภาพจะมีลักษณะดังนี้

  • Backlink ที่มายังเว็บไซต์เราจากหลายเว็บเพจ เป็นจำนวนมากผิดปกติ
  • Backlink ที่มาจากเว็บที่ไม่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์เรา
  • Backlink ที่มาจากการทำให้เกิดผลเสียต่อ SEO อย่างเห็นได้ชัด เช่น การสร้าง Spam Link จากเว็บคู่แข่ง
  • Backlink ที่มาจากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพเนื้อหา Content ต่ำ
  • Backlink ที่มักถูกซ่อนจากหน้าเว็บ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สีบัง ใช้รูปหรืออะไรมาบังไม่ให้เห็น


2.ได้รับคำเตือน Unnatural Link จาก Google

ช่วงปี 2012 Google webmaster Tools (ปัจจุบันชื่อ Google Search Console) ได้เริ่มมีการแจ้งเตือนไปยังผู้ดูแลเว็บไซต์ให้ทราบว่า เว็บไซต์มี Unnatural Link (ลิงก์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ) ซึ่งต้องควรรีบทำการปฏิเสธหรือกำจัด Link เหล่านี้ทันที ไม่งั้นจะส่งผลต่อการทำ SEO และทำให้ Google ปัดอันดับเว็บไซต์คุณตกได้

บางครั้งเราอาจไม่ใช่ผู้ดูแลเว็บไซต์ หรือผู้ที่สร้างเหล่า Backlink นี้มาโดยตรง ทำให้ไม่สามารถเอาลิงก์เหล่านี้ออกไปได้ เพราะบ่อยครั้ง Backlink ที่ไม่ได้คุณภาพมักจะมาจากเว็บไซต์ที่เราไม่รู้จัก หรือไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง แล้ว Spam Link มายังเว็บเรา (อาจเป็นการโจมตีจากเว็บคู่แข่ง)

Disavow links 4



เรารู้กันแล้วว่า Disavow links คืออะไร Backlink ที่ไม่มีคุณภาพเป็นอย่างไร แล้วเมื่อไรควรต้องใช้งานเจ้าเครื่องมือนี้ ทีนี้มาลองดูขั้นตอนการใช้งานเครื่องมือตัวนี้กัน ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง

1.เช็ค Backlink บนเว็บไซต์ของคุณ

ขั้นแรกคือ การเช็คการใช้งาน Backlink ภายในเว็บไซต์ของคุณทั้งหมด โดยการใช้เครื่องมือตรวจสอบ Backlink และเครื่องมือตรวจสอบที่เราแนะนำให้ใช้ Google Search Console เพราะนอกจากจะใช้งานฟรีแล้วยังให้ข้อมูลที่แม่นยำและครบถ้วนอีกด้วย (ฐานข้อมูลจาก Google)

ขั้นตอนการใช้งาน Google Search Console ตรวจสอบ Backlink

1.1 เข้าหน้า Google Search Console
1.2 เลือกเมนู Link แล้วเข้าไปที่ Top linking sites
1.3 คุณจะค้นพบการใช้งาน Link ที่มีในเว็บไซต์คุณทั้งหมด

top-linking-sites-search-console

ภาพตัวอย่างการตรวจ Link


2.ระบุและจด Backlink ที่ไม่มีคุณภาพไว้

ขั้นตอนนี้หลังจากตรวจสอบการรายการใช้งาน Backlink บนเว็บไซต์ ให้ระบุและจด Link ที่ไม่มีคุณภาพเหล่านี้ไว้ (ลักษณะเป็นอย่างไรเราได้กล่าวไว้แล้ว) โดยแบ่งแยกให้ชัดเจนระหว่าง Domain กับ URL เพื่อสะดวกในขั้นตอนถัดไป


3.ทำการสร้างไฟล์ .txt เพื่อทำการส่งรายงาน

ขั้นตอนนี้เรียกได้ว่าซับซ้อนและยุ่งยากเลยทีเดียว แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำ ในการรายงานปัญหา Backlink ที่ไม่มีคุณภาพ โดยการสร้างไฟล์ .txt (แนะนำใช้ Notepad) แล้วทำการนำรายการลิงก์ไม่ดีที่จดเอาไว้ทั้ง Domain และ URL มาระบุลงในไฟล์โดยมีเงื่อนไขดังนี้

  • ไฟล์ต้องเป็น .txt เท่านั้น
  • ไฟล์ที่ใช้ต้องเป็นไฟล์ข้อความที่เข้ารหัสในรูปแบบ ASCII หรือ UTF-8 แบบ 7 บิต
  • ระบุ URL และ Domain ที่จะปฏิเสธได้อย่างละ 1 รายการต่อ 1 บรรทัด และแบ่งทั้งสองลักษณะอย่างชัดเจน
  • URL มีอักขระได้สูงสุด 2,048 ตัว
  • ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 100,000 บรรทัด (นับทุกบรรทัด) และขนาดไฟล์ไม่เกิน 2 mb
  • เครื่องหมาย # ขึ้นต้นบรรทัดเพื่อบอกกับทาง Google ว่าบรรทัดนั้นเป็นเพียงแค่หมายเหตุ
  • การระบุปฏิเสธลิงก์จากทั้ง Domain และ URL ต้องมีลักษณะดังนี้
  • กรณีเป็น Domain ใส่ “domain:” ไว้ข้างหน้า URL ที่ต้องการจะปฏิเสธ เช่น http://bababa.com/x/sad ให้เขียนเป็น domain:bababa.com จะเป็นการแจ้งให้ Google ทราบว่าเราต้องปฏิเสธทุก URL ที่อยู่ใน Domain นี้
  • กรณีเป็น URL ให้ใส่เป็น URL นั้นเลย เพื่อแจ้งให้ Google ปฏิเสธหน้าเว็บเพจ URL ที่ระบุไว้
URL-Domain

ภาพตัวอย่างการระบุ Link ที่ต้องการปฏิเสธ


4.นำไฟล์ส่งไปที่ Google Search Console และรอผล

ขั้นตอนสุดท้ายนี้ไม่ยุ่งยากแล้ว เพียงแต่คุณต้องเป็นเจ้าของบัญชีเว็บไซต์นั้นบน Google Search Console ด้วยจึงจะสามารถแจ้งเรื่องและนำไฟล์ส่งได้ โดยการไปยังหน้าเครื่องมือปฏิเสธลิงก์ แล้วทำการเลือกรายการพร็อพเพอร์ตี้ ปฏิเสธ Bad Backlink แล้วกดปุ่ม Upload ไฟล์ (ไฟล์ .txt ที่ทำการระบุลิงก์) จากนั้นกดปุ่ม Submit เพื่อเป็นการส่งไฟล์และเสร็จเรียบร้อย
ที่เหลือรอแค่เพียง Google จัดการให้ตามลำดับ และจะเห็นผลได้ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน เป็นเวลาที่ค่อนข้างนาน เนื่องจาก Google ต้องทำการตรวจสอบเว็บไซต์ของคุณอย่างละเอียด ว่าเว็บไซต์คุณไว้วางใจ มีความน่าเชื่อถือมากพอที่มาจัดการแก้ไข และมีคุณค่าพอจะมาขึ้นอันดับผลการค้นหา (SERP) อีกครั้ง

เรารู้ได้ว่าการทำ SEO ในปัจจุบันมีความสำคัญยิ่งกับเหล่าเว็บไซต์ที่ทำการแข่งขันกันไม่ว่าจะเป็นทางทำธุรกิจ หรืออะไรก็ตาม เพื่อให้เว็บไซต์ของตัวเองขึ้นบนยอดผลการค้นหา (SERP) บางคนอาจจะไม่เลือกวิธีการจนใช้งาน Backlink เป็นจำนวนมาก เพื่อเพิ่มยอดการเข้าถึงและความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ แต่อย่างไรก็ดี Backlink ที่มีจำนวนมาก แต่ไม่ดีและไร้คุณภาพ จะเป็นพิษร้ายส่งผลเสียต่อการทำ SEO ของคุณได้ เพื่อกำจัดพิษร้ายนี้คุณจำเป็นต้องใช้งานเครื่องมือดังกล่าวเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิพร้อมด้วย Link ที่มีคุณภาพเช่นกัน

Search
Categories