Chat GPT ปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่มีวันล้ม Search Engine ได้

ช่วงกลางเดือนธันวาคม ปี 2022 เราเชื่อว่าหลายคนคงได้เห็นข่าวเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ตัวหนึ่ง ที่ได้สร้างความสั่นสะเทือนไปทั้งโลกโซเชียล นั้นก็คือความอัจฉริยะของโปรแกรม Chat GPT ที่สามารถโต้ตอบสิ่งที่มนุษย์สนใจได้อย่างสนุกสนาน ราวกับว่ามันเป็นเพื่อนที่ฉลาดมาก ๆ คนหนึ่ง
บทความนี้เราจะพาคุณไปร่วมถอดรหัสเพื่อนอัจฉริยะกันว่าทำไมมันถึงได้ฉลาดขนาดนี้นะ? และความฉลาดของมันจะพิฆาตระบบ Search Engine ของ Google แบบที่ทุกคนสงสัยได้หรือเปล่า เราจะพาคุณไปไขคำตอบกันค่ะ

Chat GPT คืออะไร ทำไมหลายคนถึงให้ความสนใจกันจัง?

Chat GPT เป็นโปรแกรมแชทบอทแบบ Open AI ที่เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาช่วยในการพัฒนาโปรแกรมได้ โดยในระยะแรกเริ่มได้ถูกสร้างโดยหน่วยงานพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่หวังผลกำไร เป้าหมายขององค์กรคือ ต้องการสร้าง AI ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คน ซึ่งเริ่มแรกที่ก่อตั้งได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก อีลอน มัสก์ และ Microsoft ต่อมาภายหลัง อีลอน มัสก์ ถอนตัวออกจากโปรเจ็ท เพราะต้องการมุ่งไปที่การพัฒนา Tesla อย่างเต็มตัว เหลือแต่ Microsoft ที่ยังถือหุ้นเพื่อพัฒนาระบบดังกล่าวอยู่
โดยความเจ๋งของระบบนี้ที่ทำให้หลายคนถึงกับร้องว้าว นั่นก็คือ ตัวโปรแกรมสามารถโต้ตอบความต้องการกับผู้ใช้งานคล้ายกับมนุษย์มานำเสนอข้อมูลให้ฟังเลยทีเดียว เมื่อผู้ใช้งานพิมพ์คำสั่งหรือสิ่งที่ต้องการอยากทราบลงไปในโปรแกรมการค้นหา โดยผลลัพธ์ที่ได้คือ โปรแกรมจะแสดงผลลัพธ์ข้อมูลที่เราต้องการในรูปแบบของการอธิบายแบบเป็นขั้นเป็นตอน
ด้วยวิธีการเล่าที่สนุก เข้าใจง่าย ไม่เหมือนกับระบบ Search Engine ของ Google ที่แสดงผลข้อมูลเป็นเว็บไซต์หลายเว็บ ที่คุณอาจต้องสืบค้นข้อมูลที่ต้องการผ่านการเข้าไปกดคลิกค้นหาทีละเว็บ ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพ คือ ผลลัพธ์ของโปรแกรม Chat AI จะแสดงผลข้อมูลรูปแบบของการมีเพื่อนที่ฉลาดและรู้ไปทุกเรื่อง มาช่วยอธิบายสิ่งที่คุณอยากรู้ให้คุณเข้าใจได้ง่าย และเห็นภาพมากขึ้น ส่วนระบบ Search Engine จะแสดงผลข้อมูลรูปแบบของห้องสมุดที่ระบบจะพาคุณเข้าสู่หมวดหมู่ของหนังสือเนื้อหาที่คุณต้องการ โดยคุณจะต้องอ่านหนังสือเนื้อหาไปทีละเล่ม พร้อมทำความเข้าใจกับข้อมูลด้วยตัวเอง ซึ่งบางครั้งคุณอาจจะต้องเสียเวลาสืบค้นและต้องใช้เวลาในการขัดเกลาความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ
เพราะเหตุนี้แหละ ถึงทำให้โปรแกรม Chat AI ได้กลายเป็นกระแส รวมถึงได้รับความนิยมเพราะตอบโจทย์การสืบค้นข้อมูลของผู้ใช้งานได้อย่างเข้าใจง่าย รวมถึงมีบทสนทนาที่ให้ความรู้สึกสนุกสนานอีกด้วย

Chat GPT มีความน่าสนใจที่ต่างจากแชทบอททั่วไปอย่างไร

เราเชื่อว่าหลายคนอาจเกิดความสงสัยไม่มากก็น้อยว่า Chat GPT มีความพิเศษที่แตกต่างจาก แชทบอท ทั่วไปอย่างไร ทำไมเรื่องนี้ถึงได้กลายเป็นกระแสสะเทือนโซเชียลขนาดนี้ ก่อนอื่นเลยเราจะขอพาคุณไปรู้จักการทำงานของโปรแกรมแชทบอททั่วไปก่อน เราเชื่อว่าคุณเองก็เคยลองใช้โปรแกรมแชทบอทมาบ้างแล้ว ซึ่งโปรแกรมแชทบอท หรือเรียกอีกอย่างว่า ระบบตอบแชทอัตโนมัติ ส่วนมากจะปรากฎอยู่ใน Line Official Account, Messenger Facebook ของเพจองค์กรธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งหลักการทำงานของแชทบอท คือ

1.ระบบจะวิเคราะห์คำถามของผู้ใช้ โดยการหา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ใช้เป็นหลัก
2.ระบบจะตอบกลับ ข้อความของผู้เข้ามาใช้บริการด้วยความสะดวกรวดเร็ว เพราะคำตอบเป็นข้อความที่ถูกตั้งค่าในระบบไว้ล่วงหน้าแล้วนั้นเอง ทำให้ผู้ใช้งานได้รับข้อมูลที่ต้องการทันที

ส่วนหลักการทำงานของ Chat AIคือ ระบบสามารถตอบคำถามข้อมูลและทุกข้อสงสัยของผู้ใช้งาน โดยดึงข้อมูลเหล่านี้มาจาก Code ของคลังข้อมูลใน Google อีกทั้งระบบแชทยังมีฐานข้อมูล GPT-3 ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นแหล่งรวมคำและภาษาสำหรับใช้ครีเอทบทสนทนา ทำให้การโต้ตอบผู้ใช้งานของโปรแกรมแชทค่อนข้างมีความลื่นไหล เป็นธรรมชาติ อีกทั้งโปรแกรมยังเป็นผู้ช่วยที่คอยให้ข้อมูลรวมถึงเป็นบิ๊กไอเดีย สำหรับช่วยการทำงานของแรงงานที่อาศัยทักษะเฉพาะตัวในการทำงาน เช่น แนะนำการเขียนโปรแกรม , แนะนำไอเดียในการเขียนนิยาย, แนะนำการทำอาหาร เป็นต้น

ตัวอย่าง การใช้โปรแกรมช่วยค้นหาขั้นตอนการเขียนบทความ SEO

การพัฒนา Chat GPT ในอนาคต

เราปฎิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีเติบโตไปอย่างก้าวกระโดด และเปลี่ยนแปลงโลกชนิดที่ว่าเราเองก็ตามแทบจะไม่ทัน เพียงแค่ชั่วขณะนอนหลับตา เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอิทธิพลของเทคโนโลยีก็ได้ควบกลืนวิถีชีวิตชนิดที่ว่า สิ่งประดิษฐ์ที่เคยเปลี่ยนโลกในเมื่อวานนี้ ไม่สามารถเปลี่ยนโลกในวันพรุ่งนี้ได้อีกต่อไป เพราะการไม่หยุดพัฒนาเทคโนโลยีของมนุษย์นี่เอง ทำให้ประชากรโลกมีเทคโนโลยีมาตอบสนองความต้องการอย่างไม่มีที่สิ้นสุดตลอดเวลา ฉะนั้นโปรแกรมสนทนาที่ใช้ AI คงไม่หยุดอยู่ที่การให้ความรู้กับผู้ใช้ที่เข้ามาค้นหาสิ่งที่สนใจในโปรแกรมอย่างเดียว แต่โปรแกรมจะถูกพัฒนาในอนาคตเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่มีไม่จำกัดของมนุษย์อย่างแน่นอน
สำหรับการพัฒนาโปรแกรม Chat GPT ในปัจจุบัน เพื่อรองรับการใช้งานในอนาคตมีดังนี้

1. ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของโปรแกรม จะมีการรันระบบด้วย Human in the loop หรือ วัฏจักรมนุษย์ นั้นคือ ระบบยังต้องพึ่งพามนุษย์มาช่วยพัฒนาโปรแกรม เพราะว่า อัลกอริทึ่ม Machine Learning (กระบวนการเรียนรู้โดยอัตโนมัติของปัญญาประดิษฐ์) ไม่ได้ถูกสร้างมาอย่างสมบูรณ์แบบ แต่อัลกอริทึ่มถูกสร้างมาเพื่อเรียนรู้ข้อมูล เพื่อที่จะคาดการณ์หรือตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน ทำให้ระบบอัลกอริทึ่ม จำเป็นต้องใช้มนุษย์มาร่วมทดสอบระบบเพื่อให้อัลกอริทึ่ม สามารถเรียนรู้ลองผิดลองถูกได้ เพื่อปรับปรุงและจดจำข้อผิดพลาดของตัวเอง สำหรับรองรับการพัฒนาระบบให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในอนาคตได้
   
   
2. โปรแกรมสามารถพัฒนาโครงสร้าง DALL-E ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถสร้างรูปภาพตามคำสั่งได้ ไม่ว่าจะเป็นภาพเสมือนจริง, ภาพการ์ตูน, ภาพอิโมจิ และ ภาพประกอบได้ทุกชนิด โดยหลักการทำงานของโครงสร้าง DALL-E คือตอบรับการสร้างรูปภาพด้วยคำสร้าง Code เป็นภาษาเฉพาะของคอมพิวเตอร์ จากนั้นโครงสร้าง DALL-E จะทำการเชื่อมต่อคำสั่งให้กลายเป็นรูปภาพเพื่อตอบรับความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งประสิทธิภาพการทำงานอันแสนชาญฉลาดของโปรแกรม DALL-E นี้เองก็ได้กลายเป็นกระแส Talk of the town ให้กับวงการศิลปะเป็นอย่างมาก จนทำให้เกิดข้อกังวลว่า AI จะเข้ามาแทนที่ศิลปินหรือไม่ในอนาคต
   
   
3. โปรแกรมจะพัฒนาศักยภาพของอัลกอริทึ่มให้ตอบโจทย์ความรู้ความเชี่ยวชาญของมนุษย์มากขึ้น เช่น พัฒนาระบบสำหรับใช้ว่าความในศาล (ซึ่งเข้ามาแทนที่อาชีพทนาย), พัฒนาระบบสำหรับใช้ผ่าตัด (ซึ่งเข้ามาแทนที่อาชีพหมอ), พัฒนาระบบสำหรับเป็นนักบำบัดทางจิต (ซึ่งเข้ามาแทนที่อาชีพนักจิตวิทยา) เป็นต้น ยิ่งโปรแกรมโปรแกรมแชทบอทแบบ Open Chat ซึ่งทุกคนสามารถ เป็น Human-in-the-loop หรือ วัฏจักรมนุษย์ ที่สามารถร่วมกันเป็นผู้พัฒนา Machine Learning ของระบบได้ตลอดเวลา ทำให้มีแนวโน้มว่าในอนาคตอาชีพที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง อาจถูกแทนที่โดยปัญญาประดิษฐ์หรือ Chat AI มากขึ้น
   
   
   

ข้อจำกัดของโปรแกรม Chat GPT ที่คุณจำเป็นต้องรู้

ถึงแม้ว่าโปรแกรมนี้จะมีความอัจฉริยะเพียงใด แต่เราคงต้องยอมรับว่าไม่มีสิ่งไหนบนโลกนี้ที่จะสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่าง ทุกสิ่งล้วนมีข้อผิดพลาดหรือข้อบกพร่องในตัวเองทั้งนั้น เหมือนกับมนุษย์ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง
โดยหัวข้อนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกับข้อจำกัดของโปรแกรมสนทนาด้วย AI ที่คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ เพื่อสำหรับการใช้โปรแกรมนี้สืบข้อมูลที่ต้องการได้ในปัจจุบัน

• ระบบการค้นหาของ Chat AI มีการค้นหาที่ค่อนข้างจำกัด เพราะระบบสามารถดึงข้อมูลจาก Code บางโดเมนของ Google แต่ไม่สามารถครอบคลุมการค้นหาโดเมนได้ทั้งหมด ฉะนั้นสำหรับการพิมพ์คำสั่งเพื่อสืบค้นข้อมูล ถ้าคุณไม่พิมพ์ขยายความคำสั่งอาจทำให้ระบบการค้นหาไม่สามารถดึง โดเมนข้อมูลจากใน Google ได้

ตัวอย่าง ข้อจำกัดการพิมพ์ค้นหาข้อมูลในโปรแกรม Chat

จากภาพ ถ้าคุณพิมพ์ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับคุณบี้ เดอะสตาร์ เมื่อคุณลองพิมพ์ข้อความ “Bie the star” ในช่องการค้นหา คุณจะพบว่าระบบมันไม่สามารถดึงข้อมูลของคุณบี้ เดอะสตาร์ ในโดเมนของ google ได้ เพราะระบบไม่สามารถเข้าใจความต้องการของคุณ

แต่ถ้าคุณลองพิมพ์ขยายความว่า “Bie the star singer” ระบบก็สามารถอ่านภาพการทำงานออกว่าคุณต้องการหาประวัติของ คุณบี้ เดอะสตาร์ ในแง่มุมของความเป็นนักร้อง ขึ้นมาแสดงผลให้คุณทราบ

ต่างจากระบบการค้นหาของ Google ที่เพียงคุณพิมพ์คำว่า “บี้ เดอะสตาร์” ในช่องการค้นหาระบบจะแสดงผลลัพธ์การค้นหาเป็นข้อมูลทั่วไปของคุณบี้ และระบบอัลกอริทึ่มจะเรียงเว็บไซต์ที่ติดอันดับการค้นหาจากมากที่สุด ไปยังการค้นหาที่น้อยที่สุดได้ นอกจากนี้คุณสามารถเลือกประเภทของข้อมูลได้ว่าคุณอยากรู้ข้อมูลส่วนไหนของคุณบี้ โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น เพลง, ภาพยนตร์และรายการทีวี, อัลบั้ม,วิดีโอ, และการฟังเพลง เป็นต้น

• คำตอบที่ได้จากระบบ Chat AI อาจจะไม่ได้ถูกต้อง หรือ สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลได้ เนื่องจากระบบมีการรันด้วย Human-in-the-loop ฉะนั้นผลลัพธ์ที่ได้จากการค้นหา มันคือผลลัพธ์ที่ผ่านการ กลั่นกรองความคิดและความน่าจะเป็นของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีฐานข้อมูลสำหรับตรวจสอบหรือสืบค้นเพื่อเชื่อมโยงความถูกต้องของข้อเท็จจริงได้เลย
  ตัวอย่าง หากคุณพิมพ์ว่า :
  “ถ้าอเมริกาไม่ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ญี่ปุ่นชนะสงคราม และความเสียหายทางเศรษฐกิจที่อเมริกาจะได้รับมีมูลค่ามากแค่ไหน”

ผลลัพธ์ที่ได้คือ “คำตอบจะออกมาจากการคาดคะเนของระบบ” ซึ่งคุณไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เลย

ต่างจาก Google ถ้าคุณพิมพ์เนื้อความแบบเดียวกับที่พิมพ์ใน Chat ลงไป ผลลัพธ์ที่ได้คือ ระบบ Search Engine ของ Google จะแสดงผลคำตอบเป็นฐานข้อมูลที่คุณสามารถเข้าไปค้นหา และตรวจสอบข้อเท็จจริงได้

ทำไมโปรแกรม Chat AI ถึงโค่นระบบ Search Engine ของ Google ไม่ได้

ความฉลาดของโปรแกรม Chat AI นอกจากจะสามารถสนทนาข้อมูลที่ผู้ใช้บริการสนใจได้อย่างลื่นไหลแล้ว มันยังสามารถวาดภาพตามคำสั่ง Code รวมถึงจะพัฒนาศักยภาพให้เข้ามาทดแทนแรงงานฝีมือในอนาคต ด้วยความสามารถที่หลากหลายของโปรแกรมนี่เอง ทำให้หลายคนเกิดข้อกังวลใจว่า โปรแกรมจะเข้ามาแทนที่ระบบ Search Engine ของ Google ในอนาคต รวมถึงจะเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ที่มีทักษะอีกด้วย บทความนี่เราจะพาคุณมาไขข้อสงสัยดังกล่าวกัน และเราจะขอคอนเฟิร์มว่าโปรแกรมดังกล่าวไม่มีทางโค่นล้มระบบ Search Engine แน่นอน นั่นเป็นเพราะเหตุผลดังนี้

1. โปรแกรมจำเป็นต้องดึงฐานข้อมูลจาก Code ใน Google มาตอบคำถามแก่ผู้ใช้งาน
   • ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพคือ Google เปรียบเสมือนห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลทุกอย่างที่คุณสนใจ ส่วนโปรแกรม Chat GPT เปรียบเสมือนเนื้อหาส่วนสาระข้อมูลในคอลัมน์นิตยสาร ที่ย่อยข้อมูลหลักมาเล่าให้เกิดความสนุกแก่ผู้อ่าน ฉะนั้นจะเห็นว่ามันจำเป็นต้องอ้างอิงฐานข้อมูลจาก Google เป็นหลัก
     
     
2. Google มีวิศวกรที่พร้อมพัฒนาอัลกอริทึ่มของระบบตลอดเวลา
   • รวมถึงอัลกอริทึ่มที่ถูกพัฒนามันก็มีความสามารถที่ตอบโจทย์การค้นหาของผู้ใช้งานในปัจจุบัน รวมถึงพฤติกรรมของผู้ใช้งานในอนาคตได้อีกด้วย ตัวอย่าง อัลกอริทึ่ม BERT ( Bidirectional Encoder Representations from Transformer) ที่เปิดตัวขึ้นเมื่อปี 2018 ซึ่งประสิทธิภาพของอัลกอริทึ่มตัวนี้ คือระบบที่ทำให้คอมพิวเตอร์เข้าใจภาษาของมนุษย์มากขึ้น โดยปกติคอมพิวเตอร์จะเรียนรู้การทำงานอย่างเป็นเหตุผล และใช้ตรรกะในการประมวลผลวิเคราะห์ แต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิต ที่มีทั้งเหตุผล และ อารมณ์อยู่ในตัว ส่งผลให้การค้นหาข้อมูลที่มนุษย์สนใจ มันไม่สามารถปราศจากการใช้อารมณ์ในการพิมพ์ข้อมูลได้
     ดังนั้น Google จึงพัฒนาอัลกอริทึ่มที่ให้ระบบสามารถเรียนรู้และเข้าใจภาษามนุษย์ ที่มีอารมณ์ความรู้สึกมากขึ้น รวมถึงยังมีอัลกอริทึ่มของ google อีกมาก ที่คอยตรวจสอบคุณภาพของเว็บไซต์ เช่น อัลกอริทึ่ม Fred Update, อัลกอริทึ่ม RankBrain, และ อัลกอริทึ่ม Hummingbird เป็นต้น
     นอกจากนี้พอมีข่าวว่า โปรแกรมสนทนาด้วย AI จะเข้ามา Disruption ระบบ Search Engine ของ Google ทำให้ Google รีบประกาศตัวว่าจะพัฒนาระบบอัลกอริทึ่มเพื่อสกัดการเข้ามาโค่นล้มของโปรแกรม Chat GPT ทันที ซึ่งเราจะเห็นว่า Google เป็นองค์กรที่มีการปรับตัวและตอบสนองเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ รวมถึง การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีได้ดีทีเดียว
     อีกทั้ง Google ยังเป็นแหล่งรวมวิศวกรเก่ง ๆ ระดับหัวกะทิมากมาย ถึงแม้โปรแกรม Chat AI จะเป็นความท้าทายใหม่ที่ Google กำลังเผชิญ แต่เรามั่นใจระบบอัลกอริทึ่มของ Google ที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกำลังถูกพัฒนาจะสามารถมีประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือกว่าในอนาคต
     
     
3. Google มีบริษัทปัญญาประดิษฐ์ที่ชื่อว่า Deep Mind ที่ปัญญาประดิษฐ์ของบริษัท สามารถเรียนรู้และจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งการรันระบบจากมนุษย์
   • อีกทั้งระบบยังมีความซับซ้อนราวกับการทำงานของสมองมนุษย์ ต่างจากโปรแกรม Chat AI ที่ต้องอาศัยมนุษย์มาเป็นตัวรันระบบ Machine Learning อย่างเสมอ ทำให้กระบวนการพัฒนาโปรแกรมจะช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับมนุษย์จำนวนมากเป็นหลัก ต่างจากปัญญาประดิษฐ์ของ Deep Mind ที่มีการเรียนรู้เข้าใจสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง
     อีกทั้งปัญญาประดิษฐ์ของ Deep Mind ยังถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ เช่น ทำนายโครงสร้างสามมิติของโปรตีน เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนายารักษาโรค , วงการกีฬา เช่น การเล่นหมากรุก และ เล่นโกะ จนสามารถเอาชนะแชมป์โลก, และปัญญาประดิษฐ์ของ Deep Mind ยังถูกนำมาใช้ลดค่าไฟในองค์กร Google ได้เกือบพันล้านต่อปีอีกด้วย
     เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าความฉลาดของปัญญาประดิษฐ์ Deep Mind เมื่อถูกนำมาปรับใช้กับวงการไหนก็ตาม ประสิทธิภาพของมันล้วนสร้างความสำเร็จให้กับวงการนั้นเสมอ
     
     
4. Google ไม่ได้มีหน้าที่แค่นำเสนอข้อมูลที่ผู้ใช้งานสนใจเท่านั้น แต่ Google ยังมีบริการอื่นมาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน
   • ไม่ว่าจะเป็น Gmail, Google Drive , Google Translate, Google maps, Google Sites, Google Adwords และบริการอื่นๆอีกมากมาย ในขณะที่โปรแกรม Chat AIนำเสนอข้อมูลและคำตอบที่ผู้ใช้สนใจเท่านั้น ไม่ได้มีบริการอื่น ๆ มาดึงดูดผู้ใช้งานเลย
     สุดท้ายผู้ใช้งานก็จะหันกลับไปใช้บริการ Search Engine ของ Google เนื่องจากมันสามารถช่วยสืบค้นข้อมูล รวมถึงอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับบริการต่าง ๆ ไปในตัว
     
     
5. โปรแกรมมีข้อจำกัดตรงที่ไม่สามารถค้นหา รูปภาพ และ วิดีโอ ได้
   • ต่างจากระบบ Search Engine ของ Google ที่สามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้งาน อีกทั้งพฤติกรรมของผู้ใช้งานเว็บไซต์ในปัจจุบัน จะชอบการนำเสนอข้อมูลผ่านทางรูปภาพและวิดีโอมากกว่า เนื่องจากเป็นการนำเสนอข้อมูลที่เข้าถึงง่าย ฉะนั้นจะเห็นว่า ระบบ Search Engine ของ Google จะตอบโจทย์ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้มากกว่า

ในอนาคตโปรแกรม AI จะเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ที่มีทักษะและฝีมือได้จริงหรือ ?

เราเชื่อว่าหลายคนที่เคยเข้าไปอ่านบทความเกี่ยวกับโปรแกรม Chat GPT หรือเคยเข้าไปใช้งานโปรแกรมที่เว็บไซต์ Chat.openai อาจรู้สึกทึ่งในประสิทธิภาพการทำงานของระบบ จนเกิดข้อสงสัยว่ามันจะเป็นไปได้ไหม ที่ในอนาคตโปรแกรม Chat GPT จะเข้ามาแทนที่อาชีพที่ต้องใช้ทักษะฝีมือ เช่น อาชีพหมอ, อาชีพโปรแกรมเมอร์, อาชีพนักจิตวิทยา และอาชีพทนาย เป็นต้น

ซึ่งในมุมมองการวิเคราะห์ของเรา เรามองว่าโปรแกรม Chat GPT จะเข้ามาตอบสนองการขาดแคลนแรงงานมนุษย์ได้ในบางกรณีเท่านั้น ตัวอย่าง เช่น ประเทศอเมริกาที่ในบางพื้นที่ที่เข้าถึงความช่วยเหลือทางการแพทย์ได้ยาก และการที่ประชาชนเจ็บป่วยอาจจะต้องผ่านการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาการป่วยหลายครั้ง ก่อนจะเข้าถึงการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ฉะนั้นจำเป็นต้องใช้โปรแกรมด้าน AI เข้ามามีส่วนช่วยในการรักษาประชาชนเบื้องต้น ต่างจากประเทศไทยที่ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาได้ง่ายและมีค่าใช้จ่ายที่ราคาถูก

นอกจากนี้เรามองว่าโปรแกรม Chat AI ไม่สามารถเข้ามาทดแทนแรงงานทักษะฝีมือได้อย่างถาวร ให้คุณลองคิดภาพตาม สมมุติถ้าว่าคุณมีเรื่องเครียด ไม่สบายใจ ต้องการใครสักคนอยากปรึกษา หรือ แนะนำการแก้ปัญหาให้ คุณอยากเข้าหามนุษย์ หรือ คุณอยากเข้าหาโปรแกรม กันล่ะ ถึงแม้ว่าการเข้าหาโปรแกรมมันจะเป็นอะไรที่สะดวกรวดเร็วและไม่เสียค่าใช้จ่ายก็ตาม แต่โปรแกรมไม่ได้มีปฎิสัมพันธ์เชิงลึกแบบมนุษย์ ไม่สามารถมองตาคุณเพื่อเข้าใจปัญหาและความเศร้าที่อยู่ในใจได้ ไม่สามารถมองภาษาร่างกายที่แสดงผ่านท่าทางของคุณได้ ว่าในขณะนี้คุณแสดงออกถึงความกังวลใจ โดยที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้อย่างไร เพื่อโอบกอดปลอบประโลมให้กำลังใจคุณผ่านปัญหาชีวิตไปได้แบบมนุษย์

ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนผ่านวันและคืนไปอย่างรวดเร็ว แต่มนุษย์เท่านั้นที่ควรไปผู้ที่ควบคุมเทคโนโลยี ไม่ใช่เทคโนโลยีเป็นผู้ที่ควบคุมมนุษย์แทน และเราก็เชื่อว่าสุดท้ายแล้วมนุษย์ทุกคนต้องปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยี และมีหน้าที่ใช้มันอย่างมีสติเพื่ออำนวยความสะดวกบางเรื่องในชีวิตประจำวันเท่านั้น

สรุป Chat GPT โปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ ที่ไม่มีวันพิชิตโปรแกรม Search Engine ของ Google

นอกโปรแกรมดังกล่าวจากจะช่วยค้นหาข้อมูลในสิ่งที่ผู้ใช้คนสนใจแล้ว การใช้ภาษาและลีลาการบรรยายข้อมูลยังมีรูปแบบที่ไหลลื่นราวกับมนุษย์มาอภิบายให้ฟัง อีกทั้งโปรแกรมนี้ยังสามารถวาดรูปได้ผ่านคำสั่ง Code รวมถึงจะมีการพัฒนาโปรแกรมให้สามารถเข้ามาทดแทนแรงงานที่ใช้ทักษะในอนาคต ทำให้หลายคนเกิดข้อกังวลว่า โปรแกรมสนทนา AI ต่าง ๆ อาจจะเข้ามาโค่นล้ม ระบบ Search Engine ของ Google ที่ครองอันดับ 1 ของโปรแกรมค้นหามาอย่างยาวนาน

แต่เนื่องจาก Google เป็นองค์กรที่มีศักยภาพและเป็นแหล่งรวมวิศวกรเก่ง ๆ มากมายที่พร้อมจะพัฒนาอัลกอริทึ่มใหม่ๆตลอดเวลา และ องค์กรยังมีเทคโนโลยีปัญประดิษฐ์ของบริษัท Deep Mind ที่เปรียบเสมือนสมองกลของมนุษย์ รวมถึง Google ยังมีบริการที่อำนวยความสะดวกด้านการทำงานภายในองค์กรมาให้บริการผู้ใช้งาน ทำให้ Google เป็นมากกว่า Search Engine อีกทั้ง Google ยังเป็นแหล่งรวมฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่โปรแกรม Chat AI จำเป็นต้องดึงข้อมูลในระบบของ Google มาตอบคำถามผู้ใช้งาน ดังนั้นเราจะเห็นว่าระบบ Search Engine ของ Google ยังคงความแข็งแกร่งได้อยู่

สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ได้เคยทำโฆษณารูปแบบบทความ SEO ลงใน Google เราขอให้คุณอย่าได้กังวลใจเลย ถ้าบทความ SEO ของคุณมีเนื้อหาที่มีคุณภาพ รวมถึงเนื้อหานั้นได้สร้างประสบการณ์กับผู้ที่เข้ามาใช้งาน ย่อมตอบโจทย์อุดมการณ์ของ Google ที่เน้นให้ความสำคัญกับคุณภาพของเนื้อหาภายในเป็นหลัก อีกทั้ง Google ยังชอบพัฒนาอัลกอริทึ่มที่ตรวจสอบคุณภาพของบทความ รวมถึงระบบ Search Engine ตลอดเวลา

ฉะนั้นขอให้คุณโปรดจงมั่นใจว่าบทความ SEO ของคุณยังคงอยู่ในระบบการค้นหาของ Search Engine อยู่ และยิ่งถ้าบทความของคุณติดอันดับการค้นหาใน Google ก็จะยิ่งทำให้ Google ล้วนอยากปกป้องข้อมูลในบทความ SEO ของคุณ
ถ้าเจ้าของธุรกิจท่านใดยังไม่เคยทำบทความ SEO หรือ สนใจที่จะทำบทความ SEO คุณสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากบทความของเราได้ (กดที่ลิงก์นี้!) รวมถึงสามารถปรึกษาเรา บริษัท ไทยท็อปเอสอีโอ ซึ่งเป็นบริษัทเอเจนซี่ที่รับทำการตลาดรวมถึงโฆษณาออนไลน์ เรารับรองได้ว่าคุณจะได้บทความ SEO คุณภาพ คุ้มค่า คุ้มราคา และส่งผลดีต่อธุรกิจคุณในระยะยาวแน่นอน สุดท้ายก่อนจากกัน

เราหวังว่าบทความของเราจะเป็นเพื่อนที่ไขคำตอบข้อข้องใจเกี่ยวกับ Chat GPT ให้คุณได้เข้าใจไม่มากก็น้อย และเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะกลายมาเป็นเพื่อนอีกคนสำหรับให้คำปรึกษารวมถึงช่วยคุณทำบทความ SEO เพื่อที่ธุรกิจของคุณจะได้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต