SEO เป็นสิ่งที่มีมานานมากและอยู่คู่กับธุรกิจมาอย่างยาวนาน เพราะเป็นการผลักดันหน้าเว็บไซต์ของคุณให้ไปอยู่ในอันดับที่ดีที่สุด ในหน้าผลการแสดงการค้นหาของ Google และในส่วนนี้คือข้อมูลหน้าเว็บไซต์ทั้งหมดที่ทางระบบของ Search Engine ได้รวบรวมมาโดยใช้ระบบในการจัดอันดับ หรือที่เราเรียกว่า “Algorithm (อัลกอริทึม)” และที่เราต้องยอมรับก็คือ เมื่อเวลาผ่านไปนานมากแค่ไหน ทุกอย่างย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงไปในทางที่ดีขึ้นอยู่เสมอ ทำให้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา Google ในฐานะเครื่องมือค้นหาชั้นนำจึงได้มีการอัปเดตเครื่องมือที่สำคัญหลายรายการและหนึ่งในนั้นได้รวมไปถึงการอัปเดตอัลกอริทึมอยู่เสมอด้วยเช่นกัน เพื่อที่จะเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มคนที่ทำ SEO การศึกษาและย้อนรอย Google’s algorithm จะทำให้คุณคาดเดาแนวทางและรู้ความเป็นไปในการทำ SEO ได้ดีมากยิ่งขึ้น และนี่คือรายการปรับปรุงอัลกอริทึมที่สำคัญของ Google ที่มีมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่อีดตจนถึงปัจจุบัน
Google’s algorithm update 2011 – Panda
แต่เดิมจริง ๆ แล้ว Google นั้นมีมาก่อนปี 2011 อย่างแน่นอน แต่เราจะเริ่มที่การอัปเดตครั้งสำคัญครั้งแรกในยุค “SEO สมัยใหม่” และนั่นคือการ “อัปเดต Panda” เป็นการที่ Google นั้นได้มีการอัปเดตอัลกอริทึมเพื่อคอยตรวจสอบเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ได้เกิดขึ้นว่าตรงตามการค้นหาของผู้เข้าชมมากน้อยแค่ไหน และเพื่อได้จัดอันดับได้ตามความเหมาะสม
การอัปเดต Panda มีผลกระทบกับเว็บไซต์สองประเภท ดังนี้
- เว็บไซต์พันธมิตรหรือเว็บไซต์ที่ส่วนใหญ่จะใช้การเชื่อมโยงไปยังหน้าอื่น ๆ
- เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เจาะลึกมากพอ
หลังจากมีการอัปเดต Panda เกิดขึ้น Google ก็ได้เลือกใช้มาอย่างต่อเนื่องจนได้เอามารวมเข้ากับอัลกอริทึมหลักในปี 2019 ด้วย ทำให้การอัปเดตนี้ส่งผลกระทบกับการทำ SEO มาอยู่เสมอด้วย แต่ก็เพื่อการคัดกรองเว็บไซต์ที่มีคุณภาพแก่ผู้เข้าชมนั่นเอง
Google’s algorithm update 2012 – Venice
การอัปเดต Venice มีเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่ง คือเพื่อการเข้าถึงผู้เข้าชมที่ต้องการข้อมูลที่อยู่ในพื้นที่ของตัวเอง เมื่อทำการค้นหา และ Google ก็ได้มองเห็นถึงความต้องการนี้เลยได้มีการอัปเดตนี้เกิดขึ้น และพอหลังจากมีการอัปเดต Venice เกิดขึ้นการค้นหาก็ได้มีการรวมหน้าเว็บตามสถานที่ใกล้เคียงหรือที่อยู่ IP ของผู้เข้าค้นหามากขึ้น
Google’s algorithm update 2012 – Penguin
การอัปเดต Penguin นับเป็นการอัปเดตครั้งสำคัญจนทำให้การอัพเดตในครั้งนี้ถูกนำไปรวมเข้ากับการอัปเดตในปี 2016 อีกด้วย และเหตุผลที่ Google ได้มีการอัปเดตอัลกอริทึมครั้งนี้ก็เพราะอยากให้มีการตรวจสอบเว็บไซต์ที่มีการใช้งานลิงก์ไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ หรือที่เรามักจะเรียกกันว่า ‘Backlink’ นั่นเอง และเพราะ Google เพียงต้องการให้แน่ใจว่าลิงค์ในเว็บไซต์นั้นที่มีคุณภาพและมีการใช้งานอยู่จริง ๆ หรือไม่ เนื่องจากปกติแล้วมีผู้ที่ทำเว็บไซต์จำนวนมากที่ได้มีการใช้เงินในการแก้ไขปัญหาในเรื่องการจัดอันดับ โดยการเลือกที่จะซื้อลิงก์เทียมหรือลิงก์ที่ไม่มีคุณภาพมาใช้ในการเชื่อมเข้ากับเว็บไซต์ของตัวเอง หรือที่เข้าใจง่าย ๆ ว่าเป็นการหลอกลวง Google เพื่อให้เว็บไซต์ตัวเองติดอันดับ นั่นจึงทำให้การอัปเดต Penguin ต้องเข้ามาแก้ไขในส่วนนี้และเพื่อคัดกรองเว็บไซต์ที่กระทำผิดให้ออกไปจากหน้าค้นหาในทันที
Google’s algorithm update 2012 – Pirate
การอัปเดต Pirate มีขึ้นมาเพื่อคอยต่อสู้กับเว็บไซต์ที่มีการเผยแพร่เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ที่ถือว่าผิดกฎหมาย โดยเป็นครั้งแรกที่ได้มีการนำข้อกำหนดของ DMCA (Digital Millennium Copyright Act) มาใช้ เพราะสำหรับเว็บไซต์แล้ว สิ่งนี้ถือเป็นปัจจัยอันดับแรกที่ควรให้ความสำคัญและถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดอย่างมากหากมีเกิดขึ้นกับเว็บไซต์ใดก็ตาม
Google’s algorithm update 2013 – Hummingbird
การอัปเดต Hummingbird เป็นการอัปเดตเผื่อในกรณีที่มีการค้นหาด้วยเสียง หรือการที่ผู้เข้าชมเลือกที่จะใช้การพูดมากกว่าการพิมพ์คำคีย์เวิร์ดลงไปในช่องค้นหามากกว่า จึงทำให้ Google Home หรือ Alexa ได้ให้ความสำคัญกับการค้นหาด้วยเสียงมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นเพื่อให้การค้นหาโดยเสียงหรือวลีที่ออกมานั้นแม่นยำมากขึ้น และเพื่อให้ได้ผลการค้นหาที่ออกมาตรงตามความต้องการจริง ๆ จึงมีการอัปเดต Hummingbird เกิดขึ้นในปี 2013
แต่ถึงอย่างไรก็ตามหลังจากมีการอัปเดต Hummingbird เกิดขึ้นก็ไม่ได้มีการส่งผลให้เห็นได้ชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลง เพราะไม่ได้เป็นการอัปเดตเพื่อตรวจสอบข้อผิดพลาดของเว็บไซต์แต่เป็นเพียงการปรับปรุงการค้นหาให้ดีมากขึ้นเท่านั้น และสุดท้ายสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเขียนเนื้อหาลงเว็บไซต์ที่ควรเขียนหรือสื่อออกมาให้อ่านง่ายโดยใช้คำที่ไม่ทางการจนเกินไป หรือเป็นภาษาพูดเพื่อง่ายต่อการค้นหาแบบใช้เสียง
Google’s algorithm update 2014 – Pigeon
การอัปเดตที่มีการใช้ชื่อเหมือนชื่อนกได้กลับมาอีกครั้งในปี 2014 นั้นคือการอัปเดต Pigeon เป็นการอัปเดตที่มีการปรับปรุงโดยเน้นไปที่เรื่องของการแสดงผลการค้นหาที่อยู่ใกล้กับตำแหน่งของผู้ใช้งาน โดยการอัปเดตในครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างมากกับการแสดงผลการค้นหาหน้า Google และ Google Maps เพราะการอัปเดตได้ทำให้ทั้งสองอย่างมีค่าความแม่นยำมากขึ้นกว่าเดิม จนทำให้ผู้ค้นหาได้รับผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการและเป็นผลลัพธ์ที่อยู่ใกล้ในชีวิตประจำวันเคียงมากขึ้นด้วย
Google’s algorithm update 2014 – HTTPS/SSL
ในที่สุดเมื่อเว็บไซต์เริ่มมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ Google ได้หันมาให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยของผู้ใช้งาน จึงได้มีการเพิ่มการใช้ HTTPS เข้ามา โดยถ้าหากเว็บไซต์ไหนมีการใช้ HTTPS ก็จะแสดงว่าเว็บไซต์นั้นมีความปลอดภัยในเรื่องของการรักษาข้อมูลของผู้ใช้งานได้ และสุดท้าย Google ได้ให้สิ่งนี้เป็นอีกหนึ่งเกณฑ์ที่จะใช้วัดว่าเว็บไซต์ไหนเหมาะสมที่จะได้อยู่ในอันดับที่ดีอีกด้วย
Google’s algorithm update 2015 – Mobile Update
การอัปเดตในครั้งนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ที่ทำ SEO มองว่าจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากแน่นอนในหน้าการค้นหาของ Google จนได้ขนานนามกับการอัปเดตครั้งนี้ว่าเป็น “Mobilegeddon” เพราะในปี 2015 การค้นหาของ Google ส่วนใหญ่มากกว่าครึ่ง ได้มาจากการค้นหาบนอุปกรณ์เคลื่อนที่เลยทำให้เกิดการอัปเดตในครั้งนี้ขึ้นเพราะมันจะทำให้คัดกรองเว็บไซต์ที่เหมาะสมกับการใช้งานบนมือถือจริง ๆ ดังนั้นจึงทำให้เว็บไซต์ได้เปรียบในการจัดอันดับการค้นหาบนมือถือของ Google ทันที และการอัปเดตในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญมากอีกด้วย
Google’s algorithm update 2015 – RankBrain
Google ได้มีการอัปเดต RankBrain ที่ถือว่าเป็นอัลกอริทึมที่มีความฉลาดมากเลยทีเดียว เนื่องจากการอัปเดตครั้งนี้มีมาเพื่อช่วยในเรื่องของการค้นหา โดยหน้าที่ของ RankBrain ก็คือ การวิเคราะห์คำหรือคีย์เวิร์ดที่ผู้ใช้งานได้เลือกใช้ เช่น การที่ผู้ใช้งานเลือกค้นหาโดยใช้คำที่มีการสะกดผิดลงช่องค้นหา แต่ทาง RankBrain ก็จะทำหน้าที่วิเคราะห์คำ ๆ นั้นออกมาอีกทีและสุดท้ายก็จะเลือกให้ Google แสดงผลการค้นหาที่มีความใกล้เคียงหรือเกี่ยวข้องมากที่สุด
Google’s algorithm update 2016 – Possum
การอัปเดต Possum ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการแสดงผลการค้นหาอย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นการวิเคราะห์ที่ตัวผู้เข้าใช้งานมากขึ้น โดยการดูที่ตำแหน่งที่ค้นหารวมไปถึงการใช้คำในการค้นหาอีกด้วย เพราะแบบนี้จึงทำให้เว็บไซต์ทั่วไปไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ไหนก็ตามจะได้รับการพิจารณาจาก Google ทันทีหากมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ใช้งาน และเนื้อหามีความครอบคลุมและเจาะลึกได้ตรงประเด็นตามคำค้นหา ดังนั้นมันจึงแสดงให้เห็นได้ชัดเลยว่าหลังการอัปเดตครั้งนี้การค้นหาของผู้ใช้งานนั้นได้รับอิสระมากขึ้น
Google’s algorithm update 2018 – (Mobile) Speed Update
เนื่องจากมีผู้ใช้งานการค้นหาผ่าน Google ด้วยมือถือค่อนข้างบ่อย จึงเหตุทำให้ Google ได้มองเห็นถึงความต้องการของผู้ใช้งาน ในเรื่องของการทำงานที่ความรวดเร็วของเว็บไซต์ ดังนั้นการอัปเดตในครั้งนี้จึงเน้นไปที่การปรับปรุงความเร็วของหน้าเว็บไซต์เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการค้นหาบนมือถือให้เหมือนกันกับการค้นหาเดสก์ท็อป เนื่องจากเว็บไซต์ส่วนใหญ่ได้ส่งผลกระทบต่อเวอร์ชันมือถือเลยทำให้การทำงานนั้นช้ากว่าปกติ
Google’s algorithm update 2018 – Medic
การอัปเดต Medic นั้นเป็นการอัปเดตการค้นหาที่เกี่ยวกับทางการแพทย์ โดยถึงแม้ว่าจะเป็นการอัปเดตที่มีการเปลี่ยนแปลงเฉพาะเรื่อง แต่ก็ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากเหมือนกันในเรื่องของการจัดอันดับ ถึงแม้ว่าอาจจะมีผลกระทบไปถึงเว็บไซต์ทางการแพทย์บางเว็บไซต์จนทำให้ได้อันดับที่น้อยลงก็ตาม แต่การอัปเดตในครั้งนี้ก็ไม่ได้ให้ความสนใจในส่วนนั้นมากนัก และไม่ได้มีความชัดเจนด้วยว่าการอัปเดตอัลกอริทึม Medic นั้นทำไปเพื่อจุดประสงค์อะไรกันแน่ แต่แน่นอนว่าเพื่อให้เว็บไซต์ทางการแพทย์นั้นตรงกับการค้นหาของผู้ใช้งานมากขึ้นกว่าเดิมและเพื่อคอยตรวจสอบเว็บไซต์ที่ไม่น่าไว้วางให้หายไปจากหน้าค้นหาด้วย
Google’s algorithm update 2019 – BERT
การอัปเดต BERT ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบห้าปีเลยทีเดียว เพราะว่ามันสามารถส่งผลต่อการจัดอันดับ 1 – 10 อันดับได้เลย โดยคำว่า BERT ย่อมาจาก Bidirectional Encoder Representation from Transformers เป็นอัลกอริทึมการเรียนรู้ของเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นเทคนิคที่ใช้เครือข่ายประสาทเทียมสำหรับการประมวลผลที่ไม่ใช่แค่ทำให้คอมพิวเตอร์เข้าใจเรา แต่รวมถึงไปการวิเคราะห์ทางด้านภาษาศาสตร์ การตีความจากข้อความ (NLP) ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยใน Google เข้าใจและแสดงผลการค้นหาที่ตรงกับ Keywords นั้น ๆ มากที่สุดและยังเป็นการครอบคลุมไปในทุกภาษาอีกด้วย
Google’s algorithm update 2021 – Page Experience Update
ในตลอดระยะเวลา Google มีการปรับปรุงอัลกอริทึมอยู่เสมอจนมาถึงปี 2021 ที่ก็ยังไม่หยุดการพัฒนาต่อ เพราะในปี 2021 ได้มีการอัปเดต Page Experience Update หรือการอัปเดตในเรื่องของประสบการณ์การเข้าใช้งานหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ ซึ่งเป็นการที่เมตริกวัดประสบการณ์ใช้งานของผู้เข้าชมจริง โดยจะวัดในเรื่องประสิทธิภาพการโหลดของหน้าเว็บ การโต้ตอบ หรือความเสถียรของรูปภาพในหน้านั้น โดยการอัปเดตครั้งนี้จะถูกรวมเข้ากับ Core Web Vitals ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการวัดประสบการณ์หลักของผู้ใช้งานเว็บไซต์จริง
นอกจากนี้ยังได้มีการเพิ่มเครื่องมือ Google Search Console เพื่อช่วยในตรวจสอบ Core Web Vitals และทำการปรับปรุงได้ในทันที แต่แน่นอนว่าการอัปเดตครั้งนี้ก็ได้เพิ่มเกณฑ์การจัดอันดับของ Google ไปด้วย แค่ถึงอย่างนั้น Google ก็มองว่าการมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและมีประสิทธิภาพนั่นคือเกณฑ์ที่สำคัญกว่ามากที่สุดอยู่แล้ว
Google’s algorithm update 2021 – MUM (Multitask United Model)
การอัปเดต MUM ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเรื่องการค้นหา เพราะ MUM ย่อมาจาก “Multitask United Model” ซึ่งเป็นชื่อที่บ่งบอกถึงพลังของอัลกอริทึมรูปแบบใหม่นี้ โดย MUM สามารถทำงานได้หลากหลายอย่างในทีเดียวได้พร้อมกันได้ เช่น สามารถอ่าน ทำความเข้าใจ หรือสามารถเรียนรู้ในภาษาต่าง ๆ ได้มากกว่า 75 ภาษา โดยมีการใช้แหล่งข้อมูลมาจากหลายแหล่ง รวมถึงข้อมูลที่เป็นทั้งวิดีโอและเสียงอีกด้วย โดยหลัก ๆ แล้ว MUM จะมีการรวมข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อส่งมอบคำตอบแบบหลายชั้นสำหรับคำค้นหาที่ซับซ้อนและ MUM ยังตามทันกับยุคสมัยอย่างแน่นอนแต่นั่นก็ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ AI สำคัญของ Google เท่านั้น เพราะในอีกหลายปีข้างหน้าเราสามารถได้เลยว่าคาดหวังว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกแน่นอน
Google’s algorithm update 2022 – Helpful Content
การอัปเดตในปี 2022 ครั้งล่าสุดนี้เป็นการอัปเดต Helpful Content คือการที่ Google ได้เน้นไปที่เว็บไซต์ที่มีการปรับปรุงคุณภาพของเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ตรงความต้องการของผู้ใช้งาน โดยถ้าเนื้อหาตรงตามเป้าหมายของผู้ใช้งานจริง ๆ การอัปเดตนี้ก็จะส่งผลให้เว็บไซต์นั้น ๆ ไปปรากฏในผลการค้นหามากขึ้น หรือได้อยู่ในอันดับที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน และผลกระทบในช่วงแรก ๆ ของการอัปเดตครั้งนี้นั้นค่อนข้างเห็นได้ชัดมากถึงความเปลี่ยนแปลง แต่ Google ได้ออกมาบอกทันทีเลยว่านี่จะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเพียงครั้งเดียวแน่นอน ดังนั้นการอัปเดตเนื้อหาที่เป็นประโยชน์อยู่เสมอ ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะ Google จะคอยสังเกตและพิจารณาอยู่เสมอเช่นเดียวกัน
Google’s algorithm update 2023
จากที่กล่าวมาได้แสดงให้เห็นได้ชัดเจนเลยว่า Google มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องมากขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2010 การอัปเดตอัลกอริทึมต่าง ๆ ได้มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหากับเว็บไซต์ที่เป็นสแปมหรือเว็บไซต์ที่มีหลักการทุจริต เมื่อเวลาผ่านไปการอัปเดตก็ได้มีผลมากขึ้นเรื่อย ๆ ในผลการค้นหาเพื่อรองรับการค้นที่หลากหลายทั้งการค้นหาบนเดสก์ท็อปหรืออุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างมือถือ และเน้นการที่เว็บไซต์ต้องมีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานได้อย่างตรงจุด
นอกจากนี้ถึงแม้ว่าอัลกอริทึมจะก้าวหน้าไปตั้งแต่ต้นมากแล้วแต่การเพิ่มการอัปเดตเข้าไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นก็ได้ทำให้อัลกอริทึมมีความทันสมัยมากขึ้น และดูเหมือนว่า Google Search จะยังคงมุ่งเน้นที่อัลกอริทึมในการปรับปรุง รวมไปถึงการตีความข้อความค้นหาให้สมบูรณ์แบบและจัดรูปแบบหน้าผลลัพธ์ให้สอดคล้องกับการค้นหาอยู่เสมอนั่นก็เพราะการมีผลลัพธ์ที่ดีและการมีเว็บไซต์ที่ยอดเยี่ยมถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
