มาทำความรู้จักกับ Mobile Optimization เรื่องสำคัญในการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ใช้ได้ในอุปกรณ์มือถือ

Picture of THAITOPSEO
THAITOPSEO
มาทำความรู้จักกับ Mobile Optimization

ปัจจุบันอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างมือถือ และสมาร์ตโฟนได้ก้าวเข้ามาเป็นปัจจัยที่ห้าของมนุษย์ในสังคมเป็นที่เรียบร้อย นับตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา จนกระทั่งก่อนหลับตานอนลงไป สิ่งแรกและสิ่งสุดท้ายที่มนุษย์สัมผัสก่อนจบกิจวัตรประจำวันนั้นคือสมาร์ตโฟน เราหยิบจับสมาร์ตโฟนเข้ามาใช้งานระหว่างวันมากกว่าการเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์แบบสมัย 20 ปีก่อน และทาง Google เองก็เข้าใจพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้คน จึงมีความคิดริเริ่มที่จะจัดอันดับเว็บไซต์ผ่าน Mobile Optimization หรือประสิทธิภาพการแสดงผลในมือถือ ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่เพิ่มเข้ามาในการทำ SEO ในปัจจุบันด้วยนั้นก็คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้แสดงผลอย่างลื่นไหลในอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างสมาร์ตโฟนนั่นเอง

Contents hide
14 เทคนิควิธีการปรับเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพตามหลัก Mobile Optimization

ความสำคัญของการทำ SEO ให้แสดงผลผ่าน Mobile Optimization

ความสำคัญของ Mobile Optimization บนการทำ SEO


Mobile Optimization คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้สามารถแสดงผลผ่านสมาร์ตโฟน หรือ อุปกรณ์เคลื่อนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสำคัญของมันนอกจากจะเป็นผลดีต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณแล้ว ยังก่อให้เกิดผลดีต่อผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณอีกด้วย เพราะพวกเขาสามารถอ่านเนื้อหาภายในเว็บไซต์ได้อย่างสะดวกสบายผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างมือถือ และสมาร์ตโฟน รวมถึงเว็บไซต์ของคุณยังถูกมองว่ามีคุณภาพรวมถึงมีประสิทธิภาพในแง่การนำเสนอข้อมูลผ่านมุมมองของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์อีกด้วย



14 เทคนิควิธีการปรับเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพตามหลัก Mobile Optimization

14 เทคนิคปรับเว็บตามหลัก Mobile Optimization


การปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพตามหลัก Mobile Optimization คุณควรมองในมุมของผู้ใช้งานเป็นหลัก ก่อนเริ่มทำการปรับแต่งเว็บไซต์ ซึ่งเรามีเทคนิควิธีง่าย ๆ ในการมาเป็นไอเดียให้กับคุณ ดังนี้


1. ตรวจให้แน่ใจว่าเนื้อหาเหมือนกัน

ขั้นตอนแรกคือการตรวจสอบเนื้อหาภายในเว็บไซต์ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นบนเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ และบนสมาร์ตโฟน เพื่อใช้ในการออกแบบ วางแผนเนื้อหาให้เป็นไปตามหลัก รวมถึงต้องสร้างคำสั่งให้ตอบสนองต่ออุปกรณ์อย่างอัตโนมัติอีกด้วย เช่น การแสดงผลข้อมูลที่รวดเร็วผ่านปุ่มกด, การแสดงผลหน้าเพจใหม่ผ่านการคลิกลิงก์, ความเร็วในการแสดงเนื้อหาผ่านการเลื่อนชม เป็นต้น นอกจากนี้ถ้าคุณสนใจจะเพิ่มความเร็วบนเว็บไซต์คุณสามารถใช้ CSS Sprites และการออกแบบดีไซน์ที่เรียบง่ายมาเป็นตัวช่วยได้อีกด้วย


2. จัดวางเนื้อหาให้ต่อเนื่องไม่ขาด

ตรวจสอบความครบถ้วนของการแสดงผลเนื้อหา กล่าวคือ เนื้อหาต้องมีความต่อเนื่อง เวลาเลื่อนชม ข้อมูลไม่ตกหล่น หรือ ขาดหาย รวมถึงการวางระยะห่างของข้อมูลตรงพอดีกับการอ่าน เนื้อหาไม่อยู่ติดกันจนเกินไป


3. วางแผนการออกแบบพัฒนาเนื้อหาในเว็บไซต์ตั้งแต่ต้นจนจบ

สำหรับการวางแผนออกแบบเนื้อหาเว็บไซต์ คุณต้องพิจารณาผลลัพธ์ของการตัดสินใจตั้งแต่ต้นจนจบ โดยการคิดให้ถี่ถ้วนก่อนเริ่มลงมือวางแผน คุณอาจจะเริ่มจากการออกแบบเนื้อหาในเว็บไซต์ให้แสดงผลผ่านอุปกรณ์สมาร์ตโฟนเป็นหลักก็ได้ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่คนในสังคมปัจจุบันใช้กันมากที่สุด จากนั้นก็วางแผนออกแบบเว็บไซต์ผ่านเดสก์ท็อปตามมา สำหรับการวางแผนออกแบบอันดับแรกคุณต้องสร้างแบบจำลองโครงสร้างของเนื้อหาในเว็บไซต์ หลังจากนั้นก็ลองเขียนโค้ดและวางขนาดภาพ เพื่อหาจุดบกพร่องในการใช้งาน


4. ไม่โฟกัสเพียงแค่ผู้ใช้งานบนมือถืออย่างเดียว

ถึงแม้การแสดงผลบนมือถือจะเป็นเรื่องสำคัญในการทำ SEO แต่ในการทำหน้าเว็บจริง ไม่ควรมุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้งานมือถือที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณแต่เพียงอย่างเดียว แต่เว็บไซต์ของคุณควรมอบคุณค่าที่ตอบโจทย์ความต้องการให้กับผู้ใช้งานได้อีกด้วย ซึ่งคุณควรมุ่งเน้นไปที่การผสมผสานระหว่างสิ่งที่ผู้เข้าชมต้องการในการมาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ ควบคู่กับการหาลูกค้าผ่านผู้เข้าชมไปด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าเว็บไซต์ของคุณต้องการหาลูกค้ามาสมัครประกันชีวิต เนื้อหาในเว็บไซต์ควรโฟกัสที่ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ควบคู่กับการขายประกัน เป็นต้น


5. ใช้ Responsive Design ควบคู่ไปด้วย

ออกแบบเทคนิคการแสดงผลบนเว็บไซต์ที่ตอบสนองการเข้าใช้งานได้บนทุกอุปกรณ์อย่าง Responsive Design นับเป็นซึ่งที่ตอบโจทย์อย่างมาก เพราะเทคนิคนี้เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ให้สามารถแสดงหน้าเว็บได้บนทุกขนาดอุปกรณ์ ด้วยการกำหนดเกณฑ์การแสดงผลตามขนาดหน้าจอของผู้ใช้งาน ตัวอย่างเช่น การแยกลิงก์ URL ของเว็บไซต์ไว้ใน M-dot เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลเว็บไซต์ในสมาร์ตโฟน


6. ใช้โค้ดเพื่อตอบโจทย์ภาพพื้นหลังของหน้าเว็บ

คงยากแน่ถ้าใช้ภาพขนาดใหญ่เป็นภาพพื้นหลังหน้าเว็บไซต์ เพราะภาพที่มีขนาดใหญ่จะทำให้การโหลดหน้าเว็บนั้นช้าลงได้ ดังนั้นการเขียนโค้ดคำสั่งแทนการใช้ภาพพื้นหลังขนาดสองสีที่มีความกว้างและความสูง ตั้งแต่ 2 – 1200 พิกเซล การเขียนโค้ดคำสั่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโหลดหน้าเว็บให้เร็วขึ้นได้ ซึ่งส่งผลดีต่อการทำ SEO อีกด้วย


7. ปรับแต่ง WordPress สำหรับมือถือ

ปรับแต่งเว็บไซต์บน WordPress ให้แสดงผลในมือถือได้ง่ายแล้ว ปัจจุบัน WordPress ถูกใช้อย่างแพร่หลาย ทั้งในระดับองค์กร รวมถึงระดับบุคคล เพราะ WordPress นอกจากจะใช้งานง่ายแล้วยังมีโปรแกรมเสริมมากมาย สำหรับแสดงผลข้อมูลผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น Duda Mobile, W3 Total Cache รวมถึงเครื่องมือเสริมที่ช่วยลดขนาด HTML และ CSS


8. อย่าใช้โฆษณาคั่นระหว่างหน้าเว็บไซต์

สิ่งแรกในการออกแบบหน้าเว็บคือ อย่านำโฆษณามาแสดงผลคั่นกลางเนื้อหาภายในเว็บไซต์ของคุณ เพราะมันจะสร้างความกวนใจให้กับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ในการเข้าอ่านเนื้อหา ถ้าพวกเขาเหล่านั้นเกิดความรำคาญในโฆษณาของคุณ สุดท้ายพวกเขาจะออกจากเว็บไซต์กลางคัน จนส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณถูก Google ประเมินการมีส่วนร่วมของเนื้อหาเว็บไซต์ในระดับต่ำ ฉะนั้นหากคุณต้องการวางโฆษณาขายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ คุณควรวางตรงริมซ้าย หรือริมขวา และข้างล่างของเว็บไซต์เป็นหลัก


9. ตรวจสอบการแสดงผลบนจอหลายระบบ

ทดสอบการปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่หลากหลาย เช่น โน๊ตบุ๊ค, คอมพิวเตอร์, แล็ปท็อป, สมาร์ตโฟน เป็นต้น เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณสามารถแสดงผลได้อย่างต่อเนื่องลื่นไหลไม่มีสะดุดในทุกอุปกรณ์ โดยคุณสามารถใช้ Browserstak มาช่วยในการทดสอบประสิทธิภาพการแสดงผลเว็บไซต์โดยมีการจำลองผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลายได้ คุณสามารถดาวน์โหลด Browserstack มาทดสอบการใช้งานได้ที่ https://www.browserstack.com


10. ปฏิบัติตามแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับวิดีโอบนมือถือ

การใส่วิดีโอบนเว็บไซต์คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการแสดงผลผ่านสมาร์ตโฟน เพราะสิ่งที่เครื่องมือค้นหา (Search Engine) อย่าง Google ต้องการคือ เนื้อหาเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ, Backlink หรือ การแชร์เว็บไซต์ของผู้ใช้งาน, Site Structure และ วิดีโอที่น่าสนใจ ให้แสดงผลผ่านมือถือได้ สิ่งสำคัญในการใส่วิดีโอบนเว็บไซต์ที่คุณจะพลาดไม่ได้นั่นก็คือ

  • แชร์วิดีโอที่โพสใน YouTube นำมาใส่ลงบนว็บไซต์ พร้อมตั้งค่าเปิดการมองเห็นให้เป็นสาธารณะ
  • จัดวางคลิปวิดีโอให้อยู่ในตำแหน่งที่ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์สามารถควบคุมการเล่นวิดีโอได้โดยเฉพาะ
  • วิดีโอควรมีปุ่มเล่นและปุ่มหยุดเล่นในการกดใช้งาน สามารถเลื่อนเล่นไปข้างหน้าและเล่นย้อนหลังได้
  • วางผัง Sitemap บนวิดีโอให้ถูก Google Search Console สามารถค้นหาวิดีโอของคุณได้ง่ายขึ้น
  • ไม่ควรใส่ลิงก์วิดีโอบนเว็บไซต์เพื่อเพิ่มความยุ่งยากให้กับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ในการกดเข้ามาชม


11. ใช้ Schema.org เพื่อระบุเว็บไซต์

การนำ Schema Markup มาใช้ในการวางโครงสร้างข้อมูล ทำให้เครื่องมือค้นหา (Search Engine) สามารถเข้าใจเนื้อหาข้อมูลในเว็บไซต์ได้ง่ายมากขึ้น และมันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการถูกนำมาคำนวณเพื่อจัดอันดับเว็บไซต์ของ Google และหมวดหมู่เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการแสดงผลบนหน้าผลการค้นหา (SERP) ที่หลากหลายมากขึ้น


12. อย่าบล็อกสคริปต์ (Scripts) ที่รองรับ

ไม่ควรรวมโค้ดภาษาคอมพิวเตอร์เข้าไว้ด้วยกันเพื่อปิดกั้นการตรวจจับของระบบ Search Engine สิ่งนี้มันเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการพัฒนาเว็บไซต์สำหรับทำ SEO แต่ผู้พัฒนาเว็บไซต์บางคนไม่เข้าใจหลักการนี้ยังมีการรวมโค้ดเพื่อปิดกั้นการตรวจจับของเครื่องมือค้นหา (Search Engine) ซึ่งการกระทำแบบนี้อาจทำให้เว็บไซต์ไม่สามารถแสดงผลได้


13. บีบอัดรูปภาพ

ในการปรับใช้งานแสดงผลบนมือถือหรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ คุณควรบีบอัดรูปภาพให้มีขนาดให้เหมาะสมสำหรับรองรับการแสดงผลผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ ซึ่งแนวทางปฏิบัติสำหรับการวางรูปภาพมีดังนี้

  • ควรวางรูปภาพที่มีรายละเอียดรวมถึงขนาดที่สัมพันธ์กับเว็บไซต์
  • เก็บรูปภาพของคุณไว้ในอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการประมวลผลผ่านเว็บไซต์
  • หากเว็บไซต์ของคุณเป็น SEO แบบ E-commerce คุณต้องมีการปรับภาพเพื่อรองรับการ Zoom ขยายบนอุปกรณ์สมาร์ตโฟน เพื่อให้ตอบรับกับพฤติกรรมของลูกค้าที่มักจะ Zoom ดูรูปภาพ เพื่อเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์


14. ปรับขนาดภาพรวมของเว็บไซต์ให้เหมาะสม

ปรับขนาดเนื้อหาภายในเว็บไซต์โดยรวมให้เหมาะสมสำหรับรองรับการค้นหาในสมาร์ตโฟน ไม่ว่าจะเป็น การจัดเนื้อหาเว็บไซต์ให้อ่านง่ายสบายตา / ขนาดตัวอักษร / ความเร็วในการแสดงผล / ขนาดของรูปภาพ / การลดข้อมูลเนื้อหาที่ไม่จำเป็นเพื่อให้ DOM สามารถแปลงชุดคำสั่งภาษาคอมพิวเตอร์ให้แสดงผลผ่านอุปกรณ์ได้ง่าย


และนี่เป็น 14 เทคนิควิธีในการปรับเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพตามหลัก Mobile Optimization ที่มีความสำคัญในการทำ SEO อย่างมาก สิ่งสำคัญที่เรามองว่าเป็นปัจจัยหลักสำหรับการพัฒนาเว็บไซต์ นั้นคือ การออกแบบเทคนิคภายใน ไม่ว่าจะเป็นการใช้โค้ชคำสั่งที่ง่ายต่อการอ่านข้อมูล การเลือกขนาดรูปภาพที่มีความเหมาะสมกับการแสดงผลผ่านสมาร์ตโฟน และการวางเนื้อหาของเว็บไซต์ให้ง่ายต่อการอ่านผ่านสมาร์ตโฟน



บทสรุป การปรับแต่งเว็บไซต์ตามหลัก Mobile Optimization

ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้คนส่วนใหญ่นิยมค้นหาสิ่งที่น่าสนใจผ่านทางมือถือและสมาร์ตโฟนเป็นหลัก ทำให้ Google เพิ่มเกณฑ์ให้การทำ SEO ต้องมีการปรับแต่งเนื้อหาให้แสดงผลเหมาะกับการแสดงผลบนจอสมาร์ตโฟน และเทคนิควิธีในการปรับแต่งเนื้อหาที่สำคัญ คือ การออกแบบเทคนิคภายในเว็บ ตั้งแต่การใช้โค้ด การเลือกรูปภาพ รวมถึงการเนื้อหาเว็บไซต์ให้ง่ายต่อการอ่าน ก่อนจบกันไปเราต้องหาขอบคุณข้อมูลดี ๆ จากบทความ “14 Mobiles Optimization Best Practices You Need To Know” ที่เขียนโดย Brian Harnish ที่กลายเป็นข้อมูลอ้างอิงหลักในการเขียนบทความของเรา

Search
Categories