ยุคที่อินเทอร์เน็ตเข้าถึงผู้คนได้อย่างแพร่หลายนี้ บนโลกออนไลน์ที่เหล่านักธุรกิจต้องเริ่มหันมาเปิดธุรกิจออนไลน์ เพื่อตอบรับผู้คนที่เข้าถึงอย่างมาก จนเกิดการแข่งขันกันระหว่างด้านการตลาดของธุรกิจออนไลน์ โดยในการแข่งขัน เหล่านักการตลาดออนไลน์ล้วนจำเป็นต้องพึ่งเครื่องมือที่สามารถช่วยวิเคราะห์เรื่องการตลาด และเว็บไซต์ของตนเอง เพื่อให้การทำ SEO บนการแข่งขันอันดับเว็บ รวมไปถึงการแข่งขันทางการตลาดออนไลน์ด้วย
และหนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความไว้ใจอย่างมากเลยคือ SEMrush เครื่องที่จะมาช่วยตอบโจทย์ และพร้อมข้อมูลที่เหล่านักการตลาดและ SEO ต้องการ ซึ่งในบทความครั้งนี้จะพาไปเจาะลึกกันว่าเครื่องมือตัวนี้คืออะไรกันแน่ มีจุดเด่นและการใช้งานอย่างไร
SEMrush คืออะไร
SEMrush เป็นหนึ่งในเครื่องมือ SEO Tool ตัวหนึ่งที่เปิดใช้งานให้กับนักการตลาดที่ทำทั้ง SEO และการตลาดออนไลน์ทั้งหลายใช้งานเพื่อแสดงข้อมูลเบื้องลึกโดยรวมของเว็บไซต์ ทั้งของตนเองและคู่แข่ง ที่ช่วยทั้งในเรื่องการแสดงผลว่าเว็บไซต์มียอดการเข้าชมหรือ Traffic มากน้อยแค่ไหน Keyword ใดบ้างที่กำลังได้รับความนิยมและติดอันดับ การใช้งาน Backlink มีมากน้อยเพียงใด รวมไปถึงฟีเจอร์เสริมที่จะมาช่วยนำข้อมูลที่มีประโยชน์มาให้นักการตลาดวางแผนการตลาดได้อย่างเป็นระบบ
เรียกได้ว่า SEMrush เป็นเครื่องมือที่แทบจะครอบคลุมการใช้งานทั้งเรื่องการตลาดและการทำ SEO อย่างมาก เพราะเครื่องมือตัวนี้ ยังมีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่รวบรวมข้อมูล Domain ไว้มากมาย รวมไปถึงเหล่าข้อมูลต่าง ๆ ของเว็บไซต์ไม่ว่าจะเป็น URL ปลายทางบนผลการค้นหา (SERP) ของ Google, สำเนาข้อมูลโฆษณา ราคาต่อหนึ่งคลิก (CPC), Keyword ที่แต่ละเว็บใช้เพื่อติดอันดับ ด้วยข้อมูลจำนวนมากเหล่านี้หากนักการตลาดได้รู้แล้ว คงต้องวางแผนการตลาดและการทำ SEO ในอนาคตได้เป็นอย่างดีแน่
จุดเด่น SEMrush ที่ไม่ควรพลาด
ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องมือ ย่อมต้องมีจุดเด่นหรือรูปแบบการใช้งานที่น่าสนใจจนต้องหยิบมาใช้ และตอบโจทย์ได้แน่ ๆ เรามาลองดูกันเลยดีกว่า ว่าเครื่องมือตัวนี้จะมีจุดเด่นอะไรที่นักการตลาดและนัก SEO ไม่ควรพลาด
1. ทำให้คุณเข้าประสิทธิภาพของเว็บไซต์ได้อย่างแท้จริง
ถึงแม้คุณจะเป็นผู้ทำเว็บไซต์หรือจ้างคนมาทำเว็บไซต์ให้ บางครั้งเราก็ไม่อาจจะเข้าใจถึงประสิทธิภาพของเว็บไซต์เราได้อย่างแท้จริง แต่เครื่องมือตัวนี้จะมาช่วยบอกว่าเว็บไซต์คุณเป็นอย่างไร ทำงานได้ผลดีไหม ทั้งการแสดงปริมาณผู้เข้าชม จุดการใช้งานใดที่มีคนเข้ามากที่สุด หรือการแจ้งเตือนบอกอันดับการเปลี่ยนแปลงบนผลการค้นหา (SERP) สิ่งเหล่านี้ล้วนจะช่วยทำให้คุณเข้าใจการทำงานเว็บไซต์ได้
2. ช่วยค้นหา Keyword ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่ใช่แค่การทำให้รู้ว่าเว็บไซต์ของเราเป็นอย่างไรเท่านั้น แต่เครื่องมือตัวนี้ยังช่วยในเรื่องการทำ SEO ด้วยการค้นหา Keyword หรือสำรวจ Keyword ที่กำลังติดอันดับได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งของเราหรือคู่แข่ง ข้อมูลที่แสดงมีทั้ง ปริมาณการใช้งาน Keyword ดังกล่าว, ยอดปริมาณเนื้อหาของ Keyword ดังกล่าวที่มีอยู่ตามเว็บไซต์ ด้วยข้อมูลเหล่านี้จะทำให้คุณได้รู้เลยว่าควรนำ Keyword ใดมาใช้งาน หรือไม่ควรใช้งานในการแข่งขันทางการตลาดและการทำ SEO
3. คุณเข้าใจเว็บไซต์ของคุณได้ว่าต้องไปทางไหนบนการแข่งขัน
การทำ SEO คงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องมีการแข่งขันระหว่างเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นการติดตามดูแข่งว่าเป็นอย่างไร ทำเนื้อหา Content แบบใด Keyword อะไรที่ใช้เป็นหลัก การจะได้มาของข้อมูลนี้มา เครื่องมือตัวนี้พร้อมช่วยทำให้คุณได้ข้อมูลเหล่านี้ และทำให้รู้ทันคู่แข่งได้ในทันที หากคุณมีข้อมูลของคู่แข่งในเรื่องการทำ SEO ชัดเจนแล้ว ที่เหลือคุณก็แค่ต้องนำข้อมูลเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในการแก้เกมการแข่งขันให้ได้
4. การตรวจและสร้าง Backlink อย่างมีคุณภาพ
Backlink นับเป็นส่วนสำคัญหนึ่งเลยที่ขาดไม่ได้กับการทำ SEO เพราะมันช่วยในเรื่องยอดการเข้าถึงและการเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ แต่หากมีการใช้งาน Backlink ที่ไม่มีคุณภาพจะส่งผลเสียต่อเว็บไซต์คุณ แต่ด้วยเครื่องมือตัวนี้จะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้ ด้วยการค้นหา Backlink ที่มีคุณภาพและใช้งานได้จริง เพื่อป้องกันปัญหาการนำ Backlink ไม่มีคุณภาพมาใช้งาน รวมไปถึงการส่องข้อมูลของคู่แข่งว่ามียอดการใช้งาน Backlink มากเท่าไร และใช้งานอย่างไร
5. ช่วยคิด Content แนวใหม่ให้ได้
จุดเด่นหนึ่งสำหรับเครื่องมือตัวนี้เลยคือ มีฟีเจอร์ Topic Research ที่พร้อมจะช่วยคุณในการคิด Content วิธีการใช้งานนั้นง่ายมาก แค่ใส่ Keyword ลงไปเครื่องมือจะทำการแสดงผล Content ที่น่ามาหยิบทำ พร้อมหัวข้อย่อยของเนื้อหา ซึ่งสำหรับการทำ SEO โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่า SEO Content Writer แล้วเนื้อหา (Content) ที่หยุดอัปเดตไป ย่อมส่งผลเสียต่อเว็บไซต์ แต่ด้วยเครื่องมือตัวนี้ คุณจะลบปัญหาไปได้ในระดับหนึ่งเลย
ภาพตัวอย่างการใช้งาน Topic Research ช่วยคิด Content ให้
ที่มา : BlogSEM
SEMrush กับฟีเจอร์ที่น่าใช้งานทั้ง SEO และการตลาด
เราได้พูดถึงกันไปคร่าว ๆ แล้วว่า SEMrush คืออะไรแล้วจุดเด่นที่ไม่ควรพลาดมีอะไรบ้าง ทีนี้เราลองมาเจาะลึกดูสักหน่อยดีกว่าว่าเครื่องมือตัวนี้ยังมีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจ และพร้อมหยิบมาใช้งาน หรือนำมาประยุกต์ใช้กับการตลาดและการทำ SEO ได้บ้าง
ตัวอย่างหน้าต่างฟีเจอร์การใช้งาน SEMrush
ที่มา : SEO Toolkit
1. On-Page SEO Checker
การใช้งานของฟีเจอร์นี้เลยก็ตรงตามชื่อ คือการตรวจสอบและเช็คหน้า On-Page ของเว็บไซต์ให้เราว่ามีจุดใดบ้างที่ต้องได้รับการแก้ไข รวมไปถึงคำแนะนำในการทำหน้า On-Page ไม่ว่าจะเป็น แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ของหน้า On-Page, จุดที่น่าจะใช้งาน Backlink, ความยาวเนื้อหาว่ามีความเหมาะสมไหม เรียกได้ว่าอะไรก็ตามที่เป็น On-Page ฟีเจอร์นี้จะตอบโจทย์ให้ได้หมด
2. SEO Content Template
ฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์กับเหล่า SEO Content Writer เป็นอย่างมาก โดยเมื่อเราใช้งานจะมีการตรวจสอบเนื้อหา Content ดังกล่าวของเราพร้อมแนะนำ Keyword ที่จะมาช่วยในการทำ SEO ได้โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีคำแนะนำไม่ว่าจะเป็น
- คำแนะนำเกี่ยวกับความยาวของเนื้อหา
- ภาพรวมของการอ่าน
- แนะนำ Keyword ที่น่าหยิบมาใช้กับเนื้อหา
- โอกาสในการใช้งาน Backlink
- เจาะลึกเนื้อหาคู่แข่งว่าเนื้อหาใช้ Keyword กลุ่มใดบ้าง
บอกได้เลยว่าฟีเจอร์ตัวนี้ เป็นประโยชน์อย่างมากในการประเมินเนื้อหาและ Keyword ที่ใช้งานว่าเป็นอย่างไร รวมไปถึงการค้นหา Keyword 10 อันดับแรกที่น่าหยิบมาใช้งาน ซึ่งจะทำให้การทำเนื้อหาเว็บไซต์บน SEO ของคุณเป็นไปได้อย่างราบรื่นแน่นอน
3. Organic Traffic Insights
ฟีเจอร์หนึ่งที่ช่วยแสดงข้อมูลที่ครบถ้วนของเว็บไซต์ไม่ว่าจะเป็น Sessions, อัตราการคลิกผ่านหน้าเว็บ, ปริมาณ Keyword ที่ใช้งาน, อันดับจาก Google Search อีกทั้งยังเพิ่มอันดับได้โดยการค้นหา Keyword 10 อันดับแรกจาก Google Search มาให้เว็บไซต์ของเราด้วย
4. Site Audit
Site Audit นับเป็นฟีเจอร์หนึ่งที่ใช้งานได้ดีในเรื่องของการประเมินสภาพเว็บไซต์ โดยจะแสดงปัญหาอย่างเป็นหมวดหมู่ที่อธิบายในแต่ละจุดว่า จุดใดของเว็บไซต์มีประสิทธิภาพที่ต่ำ, เนื้อหา Content ที่ซ้ำกัน, Link ที่เสีย รวมไปถึงความสามารถในการใช้งานของ HTTPS หากส่วนเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไข มันจะส่งผลเสียต่อเว็บไซต์และการทำ SEO ของคุณอย่างแน่นอน
5. Keyword Magic Tool
Keyword Magic Tool เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่รับความนิยมอย่างมากใน SEMrush ในการวิเคราะห์ Keyword รวมไปถึงการติดตามข้อมูลและค้นหา Keyword หลักใหม่ที่จะมาการทำ SEO บนเว็บไซต์ของคุณ ด้วยฐานข้อมูลที่มี Keyword มากถึง 20,000 ล้านคำนี้ ทำให้ได้รับความไว้วางใจและน่าเชื่อใจในเครื่องมือตัวนี้
6. Keyword Gap Analysis
ฟีเจอร์ที่มาช่วยคุณในการส่องข้อมูลคู่แข่งว่ามี Keyword ใดบ้างที่ติด 5 อันดับแรกของเว็บไซต์ โดยการใช้งานนั้นง่ายมาก เพียงแค่ป้อน Domain เว็บไซต์และประเภทการจัดอันดับของ Keyword ด้วยข้อมูลเหล่านี้จะทำให้คุณได้เห็นเลยว่าเว็บใดบ้างที่มีการใช้ Keyword ซ้ำกัน เว็บใดบ้างใช้ Keyword ใหม่แล้วติดอันดับได้ ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการทำ SEO เพราะเราจะรู้ได้เลยว่า Keyword กลุ่มใดกำลังได้รับความนิยมและน่าหยิบมาใช้งาน
7. Keyword Overview
Keyword Overview ใช้สำหรับการแสดงข้อมูลค้นหาของ Keyword ว่ามีปริมาณการค้นหาเท่าใด, ระดับการแข่งขันของ Keyword รวมไปถึงผลการใช้งาน Keyword ต่อ CPC (การคลิกโฆษณาต่อการคลิก 1 ครั้ง) ฟีเจอร์นี้เป็นประโยชน์อย่างมากกับนักการตลาดมือใหม่ที่ต้องการค้นหา Keyword เพราะมันจะแสดงข้อมูลว่า Keyword มียอดการค้นหาเท่าไร แล้วคุ้มค่าพอที่จะทำเนื้อหา Keyword ดังกล่าวหรือไม่
8. Keyword Alert
ฟีเจอร์ที่ช่วยตรวจสอบ Keyword ของคุณว่ามีอันดับเพิ่มหรือลดลงแค่ไหน ในช่วงที่ผ่านมา โดยจะมีการแจ้งเตือนจากเครื่องมือ SEMrush อยู่อย่างเสมอ หาก Keyword ที่คุณใช้มีการเปลี่ยนแปลงอันดับ
9. Topic Research
ฟีเจอร์หนึ่งที่นับเป็นประโยชน์อย่างมากในการสร้าง Content เพราะมันจะช่วยในเรื่องการแนะนำแนวทางการทำ Content ที่เกี่ยวกับ Keyword ที่ใส่ลงไป ยกตัวอย่างเช่น Keyword คุณคือ Content Marketing มันจะแสดงผลให้เห็นประเด็น Content ที่น่าสนใจและหยิบมาทำ ไม่ว่าจะเป็น ประเด็นปัญหา, กลยุทธ์ Content Marketing และเทคนิคการตลาด มาให้คุณได้เลือก พร้อมหัวข้อย่อยของเนื้อหา
10. Domain Overview
Domain Overview จะช่วยแสดงข้อมูลโดยรวมของ Domain เว็บไซต์ว่ามียอดค่าใช้จ่ายเท่าไร, ปริมาณการค้นหาของเว็บไซต์, Backlink, อันดับของ Keyword บนเว็บไซต์ เรียกว่าเป็นการบอกจุดแข็งและจุดอ่อนของเว็บไซต์ในภาพรวมได้ดี หากประยุกต์ใช้สักนิด จะทำให้เราได้ข้อมูลของคู่แข่งมาได้อีกด้วย
11. Traffic Analytics
Traffic Analytics ช่วยในการตรวจสอบปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ผ่าน Desktop หรือโทรศัพท์มือถือ ประโยชน์หลักของฟีเจอร์นี้เลยคือการที่เราได้เห็นว่าส่วนใดมีการเข้าชมที่มาก และส่วนใดที่ผู้ชมมีส่วนร่วม รวมไปถึงการแสดงข้อมูลอุปกรณ์แบบใดที่เข้าใช้งานบ่อยที่สุด
12. Link Building
อีกหนึ่งฟีเจอร์ยอดเยี่ยมในการช่วยทำ SEO ด้วยการใช้งานที่เกี่ยวกับ Link แบ่งเป็น 4 เครื่องที่จะช่วยใช้งานได้เลยคือ
- วิเคราะห์ Backlink
- ตรวจสอบปริมาณ Backlink
- เครื่องมือการสร้าง Link เป็นจำนวนมาก
- การวิเคราะห์ Link จำนวนมาก
ยังกล่าวได้อีกว่าฟีเจอร์นี้สามารถช่วยสร้าง Link ที่มีคุณภาพพร้อมการตรวจสอบที่ดีเยี่ยม ที่จะทำให้การทำ SEO ของคุณดีขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
สุดท้ายแล้วเราอาจกล่าวถึงฟีเจอร์ของ SEMrush ไม่ได้ทั้งหมด เพราะในฟีเจอร์หนึ่งก็ยังมีหมวดหมู่ยิบย่อย อีกทั้งส่วนเสริม (Add on) ที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อใช้งาน แต่เราได้หยิบฟีเจอร์ที่น่าสนใจที่ควรนำมาใช้งานกับทางการตลาดและ SEO เป็นอย่างดีมาบอกเล่ากัน
บทสรุปเครื่องมือ SEMrush การใช้งานเพื่อ SEO และการตลาดออนไลน์
SEMrush นับเป็นเครื่องมือหนึ่งที่น่าหยิบมาใช้งานเป็นอย่างมาก เพื่อการพัฒนาด้านการตลาดออนไลน์ และการทำ SEO ด้วยฟีเจอร์หลากหลายที่มาตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกให้กับเว็บไซต์และการทำ SEO ไม่ว่าจะเป็นการหา Keyword, การช่วยตรวจเนื้อหา Content ที่เขียนลงในเว็บไซต์พร้อมกับคำแนะนำ, การตรวจสอบเว็บไซต์ในส่วนของ On-Page และ Off-Page หรือรวมไปถึง Link ที่ใช้งานกันอย่างมากในการทำ SEO
กล่าวได้ว่าเครื่องมือตัวนี้มีครบจบ All-In-One ที่เหลือขึ้นอยู่กับนักการตลาดและนัก SEO แล้วว่าการหยิบข้อมูลเหล่านี้มาประยุกต์ใช้งานหรือนำไปต่อยอดได้มากน้อยเพียงใด