โลกออนไลน์ของเรานั้น มีเว็บไซต์มากมายหลายเว็บ อาจจะเรียกได้ว่ามีจนนับไม่ถ้วน หรือเข้าชมไม่หมดแน่ เพราะแบบนั้นหลักการทำ SEO จึงจำเป็นอย่างยิ่งในการทำให้เว็บไซต์ได้ขึ้นบนยอดอันดับการค้นหาของ Google และเข้าถึงผู้คน แต่นอกจากหลักการทำ SEO แล้วทำไมต้องมี SEO สายขาว, SEO สายดำ และ SEO สายเทา แน่นอนว่าในบทความนี้เราจะมาบอกเล่าว่า SEO ที่เป็นตัวแทนสีต่าง ๆ นั้นคืออะไร แล้วทั้งสามสีนี้มีความแตกต่างอย่างไร แล้วแต่ละสีจะเหมาะกับการทำ SEO แบบไหน เรามาดูกันเลย
มาทำความรู้จักกันกับ SEO สายขาว / SEO สายดำ / SEO สายเทา
นักการตลาดหลายคนล้วนรู้จักการทำ SEO ดีแน่นอนอยู่แล้วว่ามันคืออะไร ซึ่งการทำ Off-Page SEO ถือเป็นการทำตลาดออนไลน์นอกเว็บไซต์ เพื่อให้มี Traffic ย้อนกลับเข้ามายังเว็บไซต์ของตนเอง ทำให้เว็บดูมีคุณค่ามากขึ้น และจะช่วยให้แสดงผลในการค้นหาหน้า Google ได้เป็นอย่างดี การทำ Backlinks เองก็เป็นหนึ่งวิธี ที่ช่วยให้เว็บของเราไต่อันดับขึ้นได้ในการค้นหา โดยเจ้า SEO สามสาย สามสีนี้และ ถูกจำแนกจากการทำ Off-Page SEO ด้วย เรามาดูกันเลยว่า เจ้า SEO สามสี ขาว ดำ เทา เนี่ยลักษณะเฉพาะของมันคืออะไร
SEO สายขาว (White Hat SEO)
การทำ SEO สายขาว เป็นการทำเว็บไซต์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และกฎของ Google ที่เน้นปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ เนื้อหาภายในเว็บมีความสดใหม่ ตอบโจทย์ และยังให้ประโยชน์ที่ดีกับผู้เข้าชม แต่แน่นอนในการทำ SEO สายขาวไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะค่อนข้างใช้ระยะเวลาระดับหนึ่งกว่าจะเห็นผลลัพธ์ อีกทั้งยังมีข้อควรระวังอีกด้วย โดยข้อระวังมีดังต่อไปนี้
- เนื้อหาของ Content บทความต้องไม่ซ้ำใครทั้งนั้น (สามารถอ่านบทความ “เขียนบทความ SEO อย่างไร ให้ติดอันดับ” ได้ที่นี่ คลิก) แม้กระทั่งในเว็บของตนเอง บทความต้องเป็นบทความที่เขียนขึ้นมาใหม่ มีประโยชน์ต่อผู้อ่าน มีความเป็นธรรมชาติ
- Keyword ควรรีเสิร์ชให้ดี เพราะการทำ SEO สายขาวนี้ Keyword นับเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญในการทำ Content บนหน้าเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้ผู้เข้าชมค้นหา Content ของเราเจอได้
- ปรับการใช้ให้เข้ากับผู้ใช้งานบนมือถือเป็นหลัก
- ไม่ควร Spam Keyword มากจนเกินไป ในเนื้อหา ไม่งั้น Google จะมองว่าเนื้อหาไม่มีความน่าเชื่อถือและปัดตกไป
- Backlink ที่จะใช้ควรมีความน่าเชื่อถือ เป็นลิงก์ที่มีเนื้อหาในหมวดหมู่เดียวกัน
SEO สายดำ (Black Hat SEO)
แน่นอนว่าหลักการทำงานของ SEO สายดำจะตรงข้ามกับ SEO สายขาว ด้วยการไม่ทำตามกฎของ Google อีกทั้งยังใช้ช่องโหว่ของ Google’s algorithm เพื่อเพิ่มอันดับให้เว็บไซต์ขึ้นไปอยู่บนยอดการค้นหาได้อย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม การทำผิดกฎมีสิทธิ์สูงมากที่จะโดน Google จับได้และถูกทำโทษ ไม่ว่าจะเป็น อันดับการค้นหาตก, การไม่แสดงหน้าเว็บบนการค้นหาของ Google และการโดนแบน ซึ่งการทำ SEO ของคุณอาจจะเสี่ยงเข้าขั้น SEO สายดำได้หากคุณไม่ระวังสิ่งเหล่านี้
- Keyword Stuffing การใส่ Keyword ซ้ำมากเกินไปในบทความ อาจจะส่งผลเสียต่อเว็บไซต์ เพราะ Google จะมองว่าเว็บไซต์คุณมีการสแปม มีความเสี่ยงที่จะถูกแบน
- Cloaking คือการทำให้ Google Bot เห็นสิ่งที่อยู่หน้าเว็บแตกต่างกับสิ่งที่ผู้เข้าชมเห็น ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์คุณทำ Code บอก Google bot ว่าเป็นเว็บเกี่ยวกับหนังสือ แต่ข้อมูลที่ผู้เข้าชมได้เห็นในหน้าเว็บไซต์จะเป็นเว็บพนันออนไลน์ เป็นต้น
- Backlink ที่มากเกินไป เป็นการสร้าง Backlink ที่สนแต่ปริมาณ แต่ไม่ได้สนคุณภาพ ซึ่งแน่นอนว่าการสนใจแต่ปริมาณแล้วมองข้ามคุณภาพไป ย่อมส่งผลเสียต่อเว็บไซต์คุณแน่
- การซ่อน Text ซ่อนตัวอักษรหรือซ่อน Keyword ไว้โดยไม่ให้ผู้ใช้งานเห็นแต่ Google เห็น เพื่อเป็นการเพิ่มยอดอันดับค้นหาเกี่ยวกับ Keyword นั้น ๆ
SEO สายเทา (Gray Hat SEO)
SEO สายเทา คือการรวมเทคนิคการทำ SEO ทั้งสายขาว และ SEO สายดำ เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเพิ่มอันดับเว็บไซต์บนยอดการค้นหา Google โดยใช้ประโยชน์จากเครื่องมือบางส่วนมาช่วย ซึ่งรูปแบบ SEO สายเทามีความเสี่ยงมากกว่าสายขาว และความเสี่ยงน้อยกว่าสายดำ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะโดนแบนได้อยู่ดี ซึ่งรูปแบบการใช้ช่องโหว่ของ SEO สายเทาไม่ว่าจะเป็น
- การใช้ Domain ที่หมดอายุแล้ว
- การสร้างเนื้อหา Content ที่ซ้ำกัน
- การซื้อยอดการเข้าถึงเว็บไซต์
- ซื้อลิงก์เพื่อเพิ่มความนิยมของเว็บไซต์
แล้วเราจะรู้ได้ไงว่า SEO สายขาว, SEO สายดำ หรือ SEO สายเทา แบบไหนเหมาะกับเว็บแบบใด
หลายคนคงสงสัยอย่างแน่นอนว่าทำไมถึงมี SEO ถึงได้สามแบบ สามสีแบบนี้ แน่นอนว่าในการทำเว็บไซต์ทุกเนื้อหาทุก Content ไม่ได้มีแต่เรื่องการค้าขายหรือเรื่องดีเสมอไป โลกเรามีสองด้านเสมอ การทำเว็บไซต์ SEO ก็เช่นกัน มันย่อมมีเว็บไซต์มุมมืดที่ทำเรื่องผิดกฎหมายแอบอยู่ตามโลกออนไลน์อย่างแน่นอน ทีนี้หากคุณได้เริ่มทำเว็บไซต์ของตนเองขึ้นมา ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี จะเป็นธุรกิจแบบขาว ดำ หรือเทา คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า SEO แบบไหนจะตอบโจทย์คุณมากกว่ากัน เรามาหาคำตอบกันในบทความนี้ดีกว่า
1. SEO สายขาว การทำงานที่ยั่งยืน
การทำงานของ SEO สายขาวนั้นเหมาะเหล่าเว็บไซต์ทั่วไป หรือเว็บไซต์บริษัทที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจในระยะยาว และธุรกิจของคุณนั้นต้องถูกต้องตามกฎหมายด้วย โดยธุรกิจส่วนใหญ่ที่มาทำ White Hat SEO มักจะเป็นธุรกิจค้าขาย สินค้าและบริการทั่วไปที่เห็นได้ตามปกติ ซึ่งแน่นอนว่าธุรกิจเหล่านี้ต้องการลูกค้า ต้องการความมั่นคง และต้องการให้เว็บไซต์ตัวเองได้ขึ้นยอดอันดับการค้นหาของ Google เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ได้อย่างถูกต้องตามกฎของ Google
เราจึงกล้าพูดได้เลยว่าการทำ White Hat SEO เหมาะกับธุรกิจถูกกฎหมาย ต้องการความมั่นคงในระยะยาว และไม่ต้องการทำผิดกฎของ Google แต่อย่างไรก็ตาม การทำ SEO สายขาวนั้น ต้องการระยะเวลา แล้วความอดทน มันอาจจะไม่ได้เห็นผลลัพธ์ทันตาในช่วงแรก แต่หากคุณรู้วิธีการที่ถูกต้อง และหมั่นทำไปเรื่อย ๆ มันจะแสดงผลลัพธ์ให้คุณเห็นอย่างแน่นอน
2. SEO สายดำ การทำงานมุมมืดของโลกออนไลน์
การทำงานของ SEO สายดำเรียกได้ว่าเป็นวิธีการเฉพาะสำหรับเว็บไซต์บางประเภท ตัวอย่าง เว็บหนังโป๊, เว็บคาสิโนออนไลน์, เว็บแทงบอล หรือเว็บต่าง ๆ ที่ทำเรื่องผิดกฎหมาย แต่ต้องการให้เว็บไซต์ตัวเองขึ้นติดยอดอันดับการค้นหา Google และการทำ SEO สายดำนั้นขัดแย้งกับกฎของ Google อย่างแน่นอน เพราะเป็นการใช้ช่องโหว่ของ Google สิ่งที่จะตามาคือผลลัพธ์อาจจะได้ทันตาเห็น แต่เมื่อคุณถูก Google จับได้ผลลัพธ์ของการทำผิด ก็จะทันตาเห็นเช่นกัน การทำ SEO สายดำมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือการเข้าถึงผู้คนที่ท่องเว็บไซต์อย่างรวดเร็วและจำนวนมาก เพื่อเอายอด Traffic มาใช้ต่อยอด
3. SEO สายเทา กับโลกแห่งการแข่งขัน
ส่วนใหญ่คนที่ทำ SEO สายเทา มักจะเป็นกลุ่มเว็บไซต์ที่มีการแข่งขันสูงมาก ในโลกธุรกิจสีดำ แต่ต้องการทำธุรกิจให้เข้าถึงผู้คนจำนวนมาก เว็บไซต์มีความเสี่ยงน้อยในการโดนแบนจาก Google และไม่ถูกจับในข้อหาการทำผิดกฎหมาย นอกจากนี้เว็บไซต์ที่ทำธุรกิจสายดำที่หันมาใช้ SEO สายเทา จะไม่สามารถยิง Ads โฆษณาได้อย่างชัดเจน (ปัจจุบันกลายเป็น Ads เหล่านี้มีไปทั่วและเห็นได้ชัดเจนมาก) เพราะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่ผู้คนกลับให้ความสนใจและใช้งานเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น เหล่าเว็บพนันออนไลน์, สล็อตออนไลน์, เว็บดูหนังเถื่อน, เว็บเกมเถื่อน ฯลฯ เว็บไซต์เหล่านี้ล้วนมีการแข่งขันสูงมากในโลกออนไลน์ อีกทั้ง Keyword ที่ค่อนข้างจะเหมือนกันอย่างมาก จึงทำให้เว็บไซต์เหล่านี้มีการแข่งขันสูงในเรื่องการทำ SEO มากกว่าธุรกิจทั่วไป อย่างไรก็ตามเหล่าเว็บไซต์มุมมืดของโลกออนไลน์ ก็เริ่มมาทำ SEO สายเทาเพิ่มมากขึ้น เพราะได้ผลลัพธ์ที่เร็วและดีกว่า SEO สายขาว และเสี่ยงน้อยกว่า SEO สายดำ แต่อย่างไรก็ดีความเสี่ยงก็ยังเป็นความเสี่ยง หากถูก Google จับได้ถือว่าจบ
สุดท้ายเราไม่ได้บอกว่าการทำ SEO แบบไหนดีที่สุด แบบไหนได้ผลเร็วที่สุด เราแค่มาบอกว่าการทำ SEO ในแต่ละสาย ไม่ว่าจะเป็น SEO สายขาว SEO สายดำและ SEO สายเทา เป็นอย่างไร มีข้อดีอะไร และข้อเสียอะไรบ้าง พูดกันตามตรงปัจจุบันโลกออนไลน์การแข่งขันสูงอย่างมาก SEO สายขาวอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด แต่เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด ในขณะที่ SEO สายเทาเป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับหลายเว็บไซต์เพราะมีความเสี่ยงน้อยกว่า SEO สายดำ และได้ผลลัพธ์ที่เร็วกว่า SEO แบบสายขาว ในบทความนี้หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่กำลังศึกษาเรื่อง SEO อยู่ และขอแจ้งไว้ท้ายสุดว่าการทำ SEO แต่ละสาย ไม่ได้บอกว่าวิธีไหนดีหรือไม่ดี เพราะสุดท้ายอยู่ที่มุมมองและการตัดสินใจของแต่ละคนว่าตัดสินเป็นแบบไหนมากกว่า